ขับรถเที่ยว
ใครกำลังเล็งๆ จะไปเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ แบบที่ไม่ต้องลางานกันบ้าง เพราะกรุงเทพฯ นั้น นอกจากจะมีเสน่ห์เฉพาะตัวแบบไม่ซ้ำใครแล้ว ยังได้เปรียบตรงที่สามารถเดินทางท่องเที่ยวต่อไปยังจังหวัดใกล้ๆ ได้แบบสะดวกสบายโดยไม่ต้องใช้เวลามากมายนัก แถมยังมีหลายอารมณ์ให้เที่ยวกันได้ตามใจอยาก ถึงอยู่ต่างจังหวัดก็หาตั๋วเครื่องบินกรุงเทพฯ ราคาดี๊ดีได้ง่ายมากๆ จาก Traveloka นี่ละ ที่สำคัญคืออย่าลืมโหลดแอพ ‘หมอชนะ’ เอาไว้ด้วยน้า จะได้อัพเดทข้อมูลต่างๆ กันเพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย ได้เที่ยวกรุงเทพฯ แล้วยังขับรถเที่ยวจังหวัดใกล้ๆ ได้แบบชิลล์ๆ ด้วยจ้า จะมีแพลนไหนน่าสนใจบ้าง ไปดูตัวอย่างเส้นทางที่เราเอามาฝากกันได้เลย!
จองตั๋วเครื่องบินกรุงเทพกับ Traveloka ได้ที่นี่ https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Bangkok.BKKA
ขับรถเที่ยวใกล้กรุงเทพ จองรถเช่า และเช่ารถกรุงเทพฯ กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/car-rental/city/bangkok
สายบุญ
อ่างทอง – พระนครศรีอยุธยา ไปสักการะพระใหญ่ ไหว้พระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคลกัน วันเดียวก็เที่ยวได้!
ออกสตาร์ทจากกรุงเทพฯ ไปไม่ไกล สายบุญก็จะได้ไหว้พระขอพรแบบสะใจกันที่ วัดม่วง ในจังหวัดอ่างทองกัน เริ่มทริปด้วยการมากราบสักการะองค์พระพุทธรูปที่ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งประดิษฐานอยู่ในวัดนี้ นั่นก็คือหลวงพ่อใหญ่ หรือ พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ ซึ่งมีความสูงจากฐานถึงยอดรวม 95 เมตร ว่ากันว่าหากได้เอาหน้าผากมาจรดกับปลายนิ้วมือของหลวงพ่อใหญ่ จะเป็นสิริมงคลช่วยให้หน้าที่การงานก้าวไกลเติบโตด้วยนะ ไม่มาไม่ได้แล้ว
พิกัดต่อมาของเราคือ วัดท่าอิฐ อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ที่มีองค์หลวงพ่อเพ็ชรและหลวงพ่อขาว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยาที่มีอายุกว่า 200 ปีประดิษฐานอยู่ แม้ที่วัดนี้จะไม่ได้มีองค์พระใหญ่เหมือนวัดอื่นที่เราจะพาไปกัน แต่ก็มีองค์พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทองสีทองอร่ามที่มีความสูงถึง 73 เมตรตั้งอยู่ ด้านในองค์เจดีย์นั้นประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระศอขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ นี่จึงเป็นอีกพิกัดที่น่าสนใจและเราคิดว่าสายบุญน่าจะถูกใจไม่น้อยเลยละ
ขับรถต่อมาอีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็จะถึงพิกัดต่อไปคือ วัดป่าโมกวรวิหาร วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ซึ่งด้านในมีองค์พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ ที่วัดความยาวตลอดทั้งองค์ได้ประมาณ 22 เมตร มีพุทธลักษณะที่งดงามน่าประทับใจ โดยเฉพาะในบริเวณผ้าคลุมพระเขนย (หมอน) ซึ่งมีลวดลายวิจิตรน่าตื่นตา มีเรื่องเล่าว่านี่คือองค์พระซึ่งเคยแสดงอภินิหารในการบอกตำรายารักษาโรคอหิวาต์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ด้วยนะ ใครสนใจลองมาอธิษฐานขอพรให้สุขภาพแข็งแรงกันดูจ้า ขอให้บุญรักษาทุกคนเด้อ
จากอ่างทอง ใช้เวลาขับรถอีก 30 นาทีนิดๆ นะ ก็จะได้มาเช็คอินกันต่อที่ วัดพนัญเชิง ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อมากราบนมัสการ ‘หลวงพ่อโต ซำเปากง’ หรือองค์พระพุทธไตรรัตนนายก ซึ่งเป็นองค์พระเก่าแก่ที่มีการสร้างขึ้นตั้งแต่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยา และได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปสมัยกรุงศรีฯ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองไทย ด้านในวัดยังมีวิหารเซียนและศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมากให้แวะขอพรกันได้ด้วยนะ นับเป็นหนึ่งวัดไฮไลท์ของอยุธยาที่ต้องมาให้ได้เชียว
จากวัดพนัญเชิงมาแค่สิบกว่านาทีเท่านั้น เราก็จะมาปิดท้ายทริปนี้กันด้วยการกราบนมัสการองค์พระนอนกลางแจ้งซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา ณ วัดโลกยสุธาราม อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ที่สร้างตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลางราว พ.ศ.1995 โน่นเลยละ องค์พระมีความยาวถึง 42 เมตร สูง 8 เมตรนะ นอกจากความสวยสง่างดงามขององค์พระแล้ว ไม่ไกลกันนักยังเป็นที่ตั้งของวัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังหลวงด้วยจ้า ไหว้พระเสร็จแล้วอย่าพลาดการเดินชมให้ทั่วเลยน้า รับรองว่าเพลิน
สายธรรมชาติ
ลพบุรี – สระบุรี – โคราช – นครนายก 4 จังหวัดจัดไป! สูดกลิ่นอายธรรมชาติกันแบบจุกๆ ใน 2 วัน 1 คืน!
เข้าสู่ปลายปีโดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถือเป็นช่วงพีคในการไปชมความสวยของทุ่งทานตะวันในเขตรอยต่อของลพบุรีและสระบุรี ซึ่งจะเริ่มทยอยบานแฉ่งรับการมาของลมหนาวกันแบบเหลืองสดใสละลานตา แม้ว่าจะมีให้ชมกันหลายแห่งตลอดเส้นทางนะ แต่เราแนะนำเลยว่าหนึ่งแห่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ ทุ่งทานตะวันเขาจีนแล เพราะเป็นทุ่งกว้างพื้นที่กว่า 1,400 ไร่ แถมยังมีโลเกชั่นด้านหลังเป็นภูเขาสวยสง่า มาช่วงเช้าซักนิดอากาศจะสบายๆ แดดไม่ร้อนมาก แสงก็สวยถ่ายรูปออกมาคือปังจ้า มาได้มาเด้อ
พอแดดเริ่มแรงในช่วงสาย ก็เหมาะกับการไปเช็คอินกันให้เย็นฉ่ำที่ น้ำตกเจ็ดสาวน้อย ในจังหวัดสระบุรี และแม้จะเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ว่ากันว่าที่นี่จะสวยที่สุดในช่วงเดือนพฤศจิกายน – เมษายนนี่ละ เพราะเป็นช่วงที่น้ำไม่เชี่ยวเกินไป แถมยังมีสีฟ้าใสสะอาด น้ำตกนี้มีทั้งหมด 7 ชั้น มีจุดให้เล่นน้ำกันได้หลายจุดเลยละ ถ้าไม่ลงเล่นน้ำก็นั่งชิลล์รับอากาศสดชื่นเย็นสบาย หรือจะเดินเล่นชมน้ำตกเค้าก็มีเส้นทางที่เดินได้สะดวกไว้ให้จ้า ทั้งสวยและสะดวกแบบนี้ ที่นี่ก็เลยเป็นหนึ่งไฮไลท์เด็ดของสระบุรีเค้าเชียวละ
ขับรถต่อมาอีกไม่เท่าไหร่ ก็จะเจอกับ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า อีกหนึ่งพิกัดวิวดีที่จะแวะมาเดินเล่นหามุมสวยๆ ถ่ายรูปก็ชิลล์ หรือจะมากางเต็นท์นอนดูวิวสวยๆ ของอ่างเก็บน้ำ สนามหญ้า และบรรดากระต่ายที่วิ่งดุ๊กดิ๊กไปมาของที่นี่ซักคืนสองคืนก็เริ่ดอยู่นะ ที่นี่อนุญาตให้ทำอาหารกินเองได้ด้วยจ้า เส้นทางปั่นจักรยานสวยๆ เค้าก็มีนะ เป็นอีกพิกัดที่ชิลล์และเดินทางสะดวกสุดๆ เลยละ ปักหมุดไว้ อย่าพลาดเชียว
เราจบวันกันด้วยการพักค้างคืนที่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หนึ่งในแหล่งธรรมชาติใกล้กรุงเทพฯ ที่เดินทางง่ายแต่เต็มไปด้วยบรรยากาศธรรมชาติให้เราได้สัมผัสกันแบบเต็มที่ ถึงแม้อาจจะมีการเปิดให้เข้าไปเที่ยวกันบางส่วนเท่านั้น แต่บอกเลยว่านั่นก็เกินพอแล้วจ้า แค่การได้มากางเต็นท์นอนฟังเสียงธรรมชาติรอบด้าน พร้อมบรรยากาศที่เต็มไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ แถมยังจะได้เห็นสัตว์ป่าน้อยใหญ่ในระยะประชิดด้วยละ เชื่อว่านี่จะต้องเป็นพิกัดที่สายธรรมชาติแฮปปี้ชัวร์
หลังจากดื่มด่ำธรรมชาติที่เขาใหญ่กันแบบจุใจ ขอชวนให้ไปเช็คอินกันต่อกับความสวยของ อุโมงค์ไผ่ วัดจุฬาภรณ์วราราม ในจังหวัดนครนายกเป็นพิกัดต่อมา นอกจากจะได้ไหว้พระแล้วเรายังจะได้ชมความสวยของทางเดินยาวลอดทิวไผ่ที่โค้งเข้าหากันกลายเป็นอุโมงค์ธรรมชาติสีเขียวสบายตา ให้อารมณ์ป่าไผ่อาราชิยาม่าในเกียวโตหน่อยๆ เหมือนกันนะ ถ้าอยากเสพอากาศสบายๆ ที่มาพร้อมกับแสงสวยๆ และคนไม่เยอะมาก อยากชวนให้มาช่วงเช้าเลยจ้า เชื่อว่าจะถูกใจกันละ
พิกัดสุดท้าย อยากชวนให้มาปิดท้ายทริปเสพธรรมชาติครั้งนี้กันที่ หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับ รังสิตคลอง 15 ซึ่งเป็นแหล่งรวมสารพัดพันธุ์ไม้ดอกไม้ใบทั้งหลายเอาไว้ให้ได้จับจ่ายซื้อหากัน อยากได้ต้นไหน อยากปลูกอะไร ก็ช้อปติดไม้ติดมือกลับบ้านได้เลยจ้า ถือเป็นการสร้างธรรมชาติในบ้านให้อยู่รอบตัวเราตลอดเวลาอย่างง่ายๆ ต้นไม้ดอกไม้ที่นี่เค้าก็มีให้เลือกกันมากมายแถมส่วนใหญ่ยังราคาสบายกระเป๋าด้วยน้า รับรองว่าเป็นการปิดท้ายที่สายเขียวน่าจะเพลินสุดๆ เลย
สายชิม – สายช้อป
ฉะเชิงเทรา – ปราจีนบุรี เที่ยวเมืองเล็กเมืองรอง แวะกินของอร่อยชิลล์ๆ แบบ New Normal
ออกสตาร์ทกันเช้าหน่อยน้า เพราะว่าที่ วัดโสธรวรารามวรวิหาร น่ะ ถ้าไปสายหน่อยคือแน่นจ้ะ ก็นี่คือวัดที่เก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์คู่จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศต่างเคารพนับถือ จึงมีผู้คนมุ่งหน้าไปกราบสักการะกันอย่างเนืองแน่นทุกวัน ภายในวัดมีพระอุโบสถหลังใหม่และหลังเดิมซึ่งให้บรรยากาศที่แตกต่างกันไป ด้านหลังมีศาลเจ้าเก่าแก่ที่ด้านในสวยงามไม่แพ้ที่ไหน และยังมีศาลาริมแม่น้ำบางปะกงให้นั่งชมวิวพักผ่อนหย่อนใจกัน ด้านหน้ามีโซนร้านอาหารและร้านค้าซึ่งมีเมนูเด็ดประจำถิ่นให้แวะชิมแวะช้อปกันเพียบจ้า มาแล้วต้องไปโดน
พิกัดต่อมา อยากชวนให้แวะไปซื้อหาข้าวของและเมนูท้องถิ่นกันที่ ตลาดบ้านใหม่ 100 ปี ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชนที่มีการเปิดค้าขายกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นอกจากจะมีสินค้าข้าวของเครื่องใช้ให้เดินดูกันมากมาย ทีเด็ดในตลาดนี้ก็คือบรรดาอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นเป็นหลัก ทั้งเมนูสไตล์จีนและไทย ที่มีให้เลือกทั้งของคาวและของหวาน หรือจะนั่งกินอาหารอร่อยในร้านริมน้ำบรรยากาศสบายก็ชิลล์ได้ใจเลยละ ตัวตลาดเป็นบ้านไม้เก่าให้ฟีลโบราณสวยแปลกตา ชอบถ่ายรูปก็ดี ชอบกินก็แฮปปี้แน่นอนจ้า มาเลย
ถ้ายังจุกไม่จุใจ อยากชวนขับรถต่อไปยัง ตลาดน้ำบางคล้า ซึ่งเชื่อว่าเป็นอีกแหล่งเช็คอินที่สายกินจะฟินแน่ๆ ตัวตลาดเป็นแพริมน้ำทอดตัวยาวเรียงกัน ด้านในมีโต๊ะให้นั่งกินอาหารพร้อมชมบรรยากาศริมแม่น้ำบางปะกงแบบสบายๆ ไฮไลท์ที่น่าสนใจก็คือบรรดาซีฟู้ดทั้งหลาย ที่พลาดไม่ได้ก็คือกุ้งเผาเนื้อสดเด้งที่มีให้เลือกหลายไซส์หลายราคา ถ้าไม่รีบก็เหมาเรือเที่ยวรอบๆ เกาะลัด ซึ่งเป็นเกาะกลางแม่น้ำขนาดใหญ่ และยังได้ชมบรรยากาศริมแม่น้ำแบบเพลินๆ ด้วยนะ รับรองว่าชิลล์
อิ่มท้องกันเต็มที่ คราวนี้ก็มุ่งหน้ายาวๆ กันไปที่ ทุ่งดอกหงอนนาค ไร่ศักดิ์สุภารีสอร์ท ในจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งเป็นพิกัดที่คนรักการถ่ายรูปต้องถูกใจสุดๆ เลยละ เพราะเค้ามีทุ่งกว้างพื้นที่กว่า 10 ไร่ ซึ่งในช่วงปลายปีตั้งแต่เดือนสิงหาคม – ธันวาคมแบบนี้ จะมีดอกหงอนนาคสีม่วงพาสเทลสวยหวานให้เดินชมเดินแชะกันแบบจุใจ จะให้ดีควรต้องไปชมกันในช่วงเช้าซึ่งเป็นช่วงที่ดอกไม้สวยที่สุดนะ ช่วงบ่ายอาจจะดร็อปความงามลงหน่อยจ้ะ แต่ต้องอย่าเกินบ่ายสามนะถึงจะพอได้ ยังไงก็กะเวลากันให้ดีหน่อยแล้วกัน
ปิดท้ายทริปนี้กันที่การไปตะลุยช้อปสารพัดข้าวของกันใน ตลาดโรงเกลือ แลนด์มาร์คหลักแห่งหนึ่งของจังหวัดสระแก้วเค้าละ ที่นี่คือแหล่งรวมสารพัดสินค้ามือสองที่มีให้เลือกกันแทบไม่หวาดไม่ไหว ทั้งรองเท้าผ้าใบ รองเท้าหนัง กระเป๋าหลากหลายรูปแบบ เสื้อผ้านานาชนิด และข้าวของต่างๆ อีกมากมาย ว่ากันว่าใครมีทักษะการเลือกของดีหน่อยนะ ก็อาจจะเจอข้าวของแบรนด์เนมในราคาสบายกระเป๋าอย่างน่าตกใจ ด้วยความกว้างของพื้นที่ เค้าก็เลยมีจักรยานและรถกอล์ฟให้เช่ากันได้ด้วยจ้า เจอร้านไหนถูกใจก็จอดรถลงไปช้อปกันได้เลยนะ ใครชอบของมือสองบอกเลยว่านี่คือสวรรค์จริงๆ
สายชิลล์
ราชบุรี – นครปฐม สองจังหวัดบรรยากาศสบาย มีทุกฟีลให้ชิลล์กันได้แบบเต็มๆ
เริ่มต้นวันกันที่ ตลาดน้ำดอนหวาย ในจังหวัดนครปฐม อีกหนึ่งตลาดน้ำบรรยากาศสุดคลาสสิกที่เปิดค้าขายกันมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ตัวตลาดเป็นเรือนแถวไม้ที่เรียงตัวกันเป็นทางยาวริมแม่น้ำท่าจีน ตลาดนี้ขึ้นชื่อในเรื่องเมนูท้องถิ่นรสเด็ดหลากหลายทั้งคาวและหวาน แต่ที่ถือเป็นระดับตำนานของที่นี่ก็คงหนีไม่พ้นเป็ดพะโล้เนื้อนุ่มรสชาติเข้มข้นสะใจ เรียกว่าใครมาก็ต้องแวะชิมหรือซื้อติดไม้ติดมือกลับไปทั้งนั้นละ แวะตุนเสบียงกันให้เต็มท้องก่อนออกเดินทางกันให้สะใจได้เลย
อีกหนึ่งพิกัดที่มาถึงนครปฐมแล้วจะพลาดไม่ได้ ก็ต้องยกให้ องค์พระปฐมเจดีย์ ปูชนียสถานซึ่งตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเมืองนี้ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 โน่นเลยละ องค์เจดีย์นั้นเป็นทรงระฆังคว่ำ ประดับประดาด้วยกระเบื้องทั่วทั้งองค์ ด้านในเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระพุทธเจ้าเอาไว้ และยังได้ชื่อว่าเป็นองค์เจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยเลยด้วยนะ ช่วงเย็นถึงค่ำจะมีตลาดนัดโต้รุ่งรวบรวมของอร่อยสารพัดเมนูให้เดินดูเดินชิมกันจนตาลายเลยจ้า เป็นแลนด์มาร์คที่มานครปฐมแล้วต้องแวะให้ได้เลย
จากนครปฐม ขับรถต่อมาอีกไม่ไกลก็จะเข้าสู่เขตเมืองราชบุรี และพิกัดหนึ่งซึ่งเราอยากชวนให้มาชิลล์กันก็คือที่ เถ้าฮงไถ่ ซึ่งเป็นโรงงานเครื่องปั้นดินเผาเก่าแก่แห่งแรกของจังหวัดที่อยู่คู่เมืองนี้มาเนิ่นนาน จากจุดเริ่มต้นด้วยการผลิตไหน้ำปลา มาสู่การผลิตงานเซรามิกหน้าตาเก๋ไก๋ดีไซน์อินเตอร์อย่างในทุกวันนี้ นอกจากจะมาช้อปปิ้งสิ่งที่อยากได้ ที่นี่ยังเปิดให้เราเข้าชมกระบวนการผลิตชิ้นงานต่างๆ ได้ด้วยนะ แถมยังมีคาเฟ่น่ารักให้นั่งชิลล์ได้ด้วยจ้า เชื่อว่าต้องถูกใจกันชัวร์ๆ
ขับรถต่อมาอีกไม่ไกล เราก็จะได้เปลี่ยนอารมณ์จากความคูลของงานเซรามิก มาเป็นความชิคของธรรมชาติที่ อุทยานหินเขางู อดีตเหมืองร้างเสื่อมโทรมที่ได้รับการฟื้นคืนชีวิตชีวาจนกลายมาเป็นสวนสาธารณะวิวดี ที่มีทั้งพระพุทธรูปบนผาหิน ถ้ำหลากหลาย มีทะเลสาบกว้าง มีสะพานแขวนและทางเดินเลาะริมเขาให้เราเดินเล่นชมวิวหรือหามุมสวยๆ ถ่ายรูปกันได้เพียบเลยละ เชื่อว่าสายแชะจะแฮปปี้แน่นอน
ปลายทางสุดท้ายของทริปนี้ เราไปปักหมุดกับบรรยากาศสุดชิลล์กันที่ Coro Field ฟาร์มสไตล์ญี่ปุ่นสุด cute ที่มาในคอนเซ็ปท์แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรสุด minimal ที่นี่มีมุมเก๋ๆ และกิจกรรมชิคๆ ให้ทำเพียบจ้า ไม่ว่าจะเป็นการทดลองปลูกผัก เก็บเกี่ยวผลผลิตจากแปลงเกษตร ทำสวนขวด หรือจะนั่งจิบเครื่องดื่มกินเมนูอร่อยที่ใช้วัตถุดิบสดจากฟาร์มในคาเฟ่เก๋ๆ ของเค้าก็ยังได้ ที่สำคัญยังไงก็ต้องชิมเมล่อนของฟาร์มนี้ให้ได้นะ นี่คือผลผลิตยอดฮิตยืนหนึ่งของเค้าเลยจ้า ไม่ชิมก็เหมือนมาไม่ถึงเด้อ
หวังว่าตัวอย่าง 4 เส้นทาง 4 อารมณ์ เที่ยวชมพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ ที่เราเอามาฝากกัน จะมีเส้นทางที่โดนใจคุณบ้างละนะ จริงๆ แล้วกรุงเทพฯ ก็คือ Hub ที่เราใช้ตั้งต้นเดินทางเที่ยวจังหวัดรอบๆ ได้อีกเยอะแยะเลยละ ไว้คราวหลังเราจะรวบรวมมาฝากกันใหม่น้า เข้าช่วงปลายปีอากาศดีๆ แบบนี้คือช่วงพีคของการเดินทางท่องเที่ยวแล้วจ้า ลองหาพิกัดที่ถูกใจแล้วออกไปท่องเที่ยวกันนะ ได้ชาร์จพลังใจแล้วยังได้ผ่อนคลายกันด้วยจ้า ขอให้มีความสุขกับการเดินทางกันทุกคนเด้อ