เมื่อพูดถึงสุราษฎร์ธานี เชื่อว่าเกิน 80% ของนักท่องเที่ยวที่มาจังหวัดนี้คงมุ่งหน้าไปที่เขื่อนเชี่ยวหลานหรือตามเกาะต่างๆ มากกว่าที่จะตระเวนเที่ยวในตัวเมืองกัน ทั้งที่จริงๆ แล้วสุราษฎร์ฯ นั้นยังมีพิกัดน่าสนใจอีกมากมาย วันนี้เราเลยอยากชวนมาขับรถเล่นเช็คอินพิกัดเก๋ๆ ของเมืองนี้กันดูซักที บอกเลยว่ามีให้เลือกเที่ยวกันสารพัดสถานที่หลากอารมณ์เลยละ แถมยังมีโลเกชั่นที่ถ่ายรูปได้เริ่ดมากอีกหลายแห่งด้วยจ้า ใช้งบไม่เยอะด้วยนะเพราะส่วนใหญ่คือเข้าฟรี! อยากตามรอยทริปนี้ก็จองตั๋วเครื่องบินสุราษฎร์ธานีกันได้ที่ Traveloka เลยจ้า ก่อนไปอย่าลืมตรวจเช็คมาตรการสนามบิน คลิกที่นี่ รับรองว่าดีลเค้าดี๊ดี ทริปนี้ไม่มีคำว่ากระเป๋าฉีกแน่นอน!
เคล็ดลับการจองรถเช่าขับเที่ยวสุราษราคาถูก
อยากขับรถเที่ยวสุราษด้วยตัวเอง อย่ารอช้า แนะนำให้เปิดเข้าแอพ Traveloka แล้วไปเลือกรถเช่ากันได้เลย เพราะว่าที่สุราษจะมีให้เลือกระหว่างรถเช่าที่มีคนขับ และรถเช่าที่ไม่มีคนขับ ข้อดีคือจองผ่านแอพ หรือจะจองเอาไว้ล่วงหน้า เมื่อบินมาลงสุราษแล้ว ก็สามารถรับรถที่สนามบินได้เลย ขากลับก็ไม่ต้องกังวล คืนรถได้ที่สนามบินเช่นเดียวกัน
ทางไปจองรถเช่า หรือเช่ารถ กับTraveloka > https://www.traveloka.com/th-th/car-rental
ขับรถเที่ยวสุราษฎร์ธานีแบบประหยัดงบ
จากสนามบินสุราษฎร์ธานี พิกัดแรกที่เราปักหมุดไปก็คือที่ เนินทรายเหมืองแกะ ในอำเภอบ้านนาสาร ซึ่งเป็นพิกัดที่คนรักการถ่ายรูปน่าจะแฮปปี้เลยละ เพราะที่นี่มีวิวแปลกตาของเนินทรายที่ทับถมกันจนดูคล้ายภูเขาขนาดย่อมๆ ประมาณตึกสูงซัก 3 – 4 ชั้นเลยเชียวนะ แต่จริงๆ แล้วที่นี่เคยเป็นเหมืองแร่ดีบุกที่ได้รับสัมปทานมา และมีการนำเอาเศษดินและทรายที่เหลือจากการร่อนแร่เอามากองไว้จนกลายเป็นภูเขาสูง ส่วนยอดของกองทรายยังสามารถใช้เป็นจุดชมวิวรอบๆ ได้แบบ 360 องศา ขึ้นไปมองความสวยของผืนป่าโดยรอบได้แบบสบายๆ มาที่เดียวได้หลายฟีลเลยเชียวละ
จากวิวสวยๆ ของเนินทราย พิกัดต่อไปของเราคือ น้ำตกดาดฟ้า ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายใต้ความสมบูรณ์ของผืนป่าอุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น อันเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญที่ไหลลงสู่แม่น้ำตาปี โดยมีน้ำตกดาดฟ้าแห่งนี้เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสูงที่สุดในจังหวัด โดยเป็นน้ำตกที่ไหลจากผาสูง 80 เมตร แบ่งออกเป็น 8 ชั้น ซึ่งในหน้าน้ำจะมีสายน้ำไหลเต็มหน้าผาแลดูเหมือนสายน้ำที่ตกลงมาจากฟ้าเลยเชียวละ รอบด้านของน้ำตกนี้ยังมีสารพัดพันธุ์ไม้รายล้อมร่มรื่นอีกด้วยนะ เป็นน้ำตกที่สวยเหมาะกับการมาลงเล่นน้ำหรือเดินชิลล์ชมธรรมชาติกันจ้า ลองแวะมาเด้อ
อีกหนึ่งพิกัดในเขตอุทยานฯ เดียวกัน แต่ได้บรรยากาศที่แตกต่างไป ก็ต้องยกให้กับ ถ้ำขมิ้น ซึ่งเป็นถ้ำหินปูนที่มีอายุเก่าแก่หลายร้อยปี ด้านในมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ถ้ำนี้นับเป็นหนึ่งในถ้ำที่ใหญ่ที่สุดของภาคใต้เลยด้วยนะ ทุกวันนี้ทางอุทยานฯ มีการทำเส้นทางศึกษาธรรมชาติภายในถ้ำความยาว 1,250 เมตรไว้ให้แล้วจ้า เลยเดินชมกันได้แบบไม่ลำบาก ส่วนการเข้าชมต้องติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานฯ และมีไกด์นำทางพาเข้าไปนะ ช่วงนี้เค้าเปิดให้เข้าชมกันได้แค่รอบละ 4 คนเท่านั้นจ้า ที่เก๋คือนอกจากหินงอกหินย้อยแล้วที่นี่ยังมีซากรถจี๊ปให้ชมกันด้วยนะ สายแอดเวนเจอร์น่าจะถูกใจ
หลังจากลุยกับพิกัดธรรมชาติหลากหลายอารมณ์กันมาตลอดทั้งวัน เราจึงขอรักษาคอนเซ็ปท์วันแห่งธรรมชาติกันด้วยการมาชมบรรยากาศสวยๆ ของ บึงขุนทะเล แหล่งพักผ่อนหย่อนใจใกล้ตัวเมืองสุราษฎร์ธานี ด้วยความที่เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ที่นี่จึงเป็นที่อยู่อาศัยของนกและปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธุ์เลยละ ช่วงเย็นๆ จะมีผู้คนนิยมมานั่งพักผ่อนหย่อนใจ ชมวิถีชีวิตของชาวบ้านและบรรยากาศสบายๆ กันไม่น้อยเลยจ้า อยากพายเรือเล่นเค้าก็มีนะ ชิลล์มากจ้ะ เป็นอีกพิกัดที่ไม่น่าพลาดเลย
ตลาดศาลเจ้า คือพิกัดที่พลาดไม่ได้เลยละเมื่อมาถึงเมืองสุราษฎร์ฯ เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นพิกัดรวม Street Food รสเด็ดของเมืองหอยใหญ่เอาไว้ให้ชิมกันแบบจุกๆ ไปเลยละ ตลาดนี้เปิดช่วงเย็นๆ ไปจนถึงสามทุ่มนิดๆ ทุกวันนะ แนะนำเลยว่าอย่ากินอะไรก่อนมา เพราะว่าตั้งแต่หัวถนนถึงท้ายถนนนี้จะมีร้านรวงเรียงรายอัดแน่นไปตลอดทางเลยจ้า จะเป็นของหวาน ของคาว ของกินเล่น มื้อหลัก มื้อรอง อาหารใต้ อาหารภาคกลาง ไปจนถึงเครื่องดื่มทั้งหลาย หาได้จากที่นี่ที่เดียวเลยละ บอกเลยว่าแค่ครึ่งถนนก็จุกแล้วจ้า แต่อย่าเพิ่งท้อนะ จัดกันให้เต็มที่ นานๆ มาทีนี่นา
เช้าวันต่อมา เราออกเดินทางจากตัวเมืองกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี เพราะตั้งใจจะไปชมความสวยของแสงแรกกันที่ อุทยานธรรมเขานาในหลวง สำนักสงฆ์ขนาดไม่ใหญ่ในวงล้อมของขุนเขาและผืนป่า โดยมีไฮไลท์เป็นเจดีย์ลอยฟ้าพระพุทธศิลาวดี ซึ่งอยู่บนยอดภูเขาหินปูนที่สูงจากพื้นเกือบ 300 เมตรเลยจ้า นอกจากจะได้มากราบพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่ด้านบนแล้วนะ ที่นี่ยังมีซุ้มประตูพุทธวดีซึ่งเป็นซุ้มประตูโบราณ 9 ยอดดูแปลกตา ในวันที่อากาศเป็นใจ หากมองจากบริเวณเจดีย์ลงมายังจะได้เห็นทะเลหมอกแจ่มๆ ด้วยน้า บอกเลยว่าทั้งสวยทั้งแปลกตา เป็นแลนด์มาร์คที่ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดเชียว
ชมความสวยยามเช้ากันจนจุใจ เราก็ขับรถไปต่ออีกราวๆ 30 นาที เพื่อเช็คอินที่ ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด ในอำเภอคีรีรัฐนิคม บ่อน้ำกลางป่าใหญ่ที่ทั้งสวยทั้งใสปิ๊งมีน้ำสีฟ้าซึ่งมองลงไปก็เห็นทะลุได้ถึงพื้นทรายด้านล่างกันเลยเชียวละ ตัวบ่อมีขนาดใหญ่พอสมควรเลยนะ ตั้งอยู่กลางวงล้อมของป่าไม้สีเขียวขจี อ้อ … ที่นี่เปิดให้เข้ามาเล่นน้ำได้อย่างเดียวน้า ห้ามนำอาหารหรือเครื่องดื่มเข้ามาเพื่อเป็นการรักษาความสะอาดของสถานที่จ้า ปักหมุดไว้นะ นี่เป็นอีกพิกัดที่ควรต้องมาให้ได้เลย
สะพานแขวนเขาพิทักษ์ หรือ สะพานแขวนเขาพัง เป็นอีกพิกัดที่มีวิวสวยปังจนเราอยากชวนให้มา ขับรถจากป่าต้นน้ำบ้านน้ำราดแค่ราวๆ ครึ่งชั่วโมงเองจ้า ที่นี่เป็นสะพานแขวนซึ่งมีความยาวราวๆ 120 เมตร ทอดตัวข้ามผ่านแม่น้ำสายเล็กๆ ที่สองฝั่งเป็นผืนป่าเขียวขจี โดยมีไฮไลท์เป็นเขาเทพพิทักษ์ซึ่งมียอดเขาเป็นรูปหัวใจน่ารักตะมุตะมิเป็นแบ็คกราวนด์อยู่ด้านหลังสะพาน ใกล้ๆ กันยังมีตลาดท้องถิ่นและแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรให้แวะชิมแวะช้อปผลผลิตหลากหลายกันได้ตลอดทั้งปี สายช้อปก็น่าจะแฮปปี้ สายชิมหรือสายแชะก็คงถูกใจที่นี่ไม่น้อยเลยเชียวละ
หินพัด คือพิกัดต่อมาที่เราปักหมุดไป เพราะนอกจากจะอยู่ไม่ไกลจากสะพานแขวนเขาพังแล้วนะ ที่นี่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติสุด unseen อีกแห่งด้วยจ้า เพราะมีก้อนหินใหญ่รูปทรงคล้ายพัดตั้งอยู่บนผาหินกว้าง โดยเป็นการวางแบบไม่สนิทชนิดที่มีช่องสามารถมองทะลุไปอีกฝั่งได้ บริเวณฐานที่ตั้งนั้นมีความกว้างแค่ประมาณ 30 ซม. เท่านั้นนะ มีความเชื่อว่าถ้าเราเอามือสัมผัสหิน แล้วโยนเหรียญผ่านช่องโหว่ด้านล่างไปอีกฝั่ง พร้อมทั้งอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากได้ จะทำให้สิ่งที่ขอเป็นจริงด้วยจ้า อยากรู้ว่าจะได้หรือไม่ได้อย่างที่หวัง ก็ต้องไปลองเองซักครั้งเด้อ
กลับมาถึงตัวเมืองยังไม่เย็นเกินไป เราจึงใช้เวลาที่เหลือด้วยการไปกราบขอพร องค์เจ้าแม่กวนอิมที่สูงที่สุดในประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ในมูลนิธิมุทิตาจิตธรรมสถานใจกลางเมืองสุราษฎร์ฯ เลยละ โดยเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มีความสูงรวมฐานอยู่ที่ 15 เมตร สร้างจากหินแกรนิตขาวที่แกะสลักจากเมืองจีนโดยแยกเป็นชิ้นส่วน 114 ชิ้นแล้วส่งลงเรือมาประกอบในเมืองไทย โดยใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมดถึง 5 ปี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่อยากชวนให้แวะไปเช็คอินกันน้า
วันสุดท้ายในสุราษฎร์ธานี เราเริ่มจากการไปกราบสักการะขอพรที่ ศาลหลักเมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสุราษฎร์ฯ โดยตัวมณฑปของศาลนั้นมีลักษณะคล้ายกับพระบรมธาตุไชยา แต่มีขนาดใหญ่กว่าถึงสองเท่า มีสีขาวสะอาดตา ในช่วงค่ำจะมีการประดับประดาด้วยไฟหลากสี ตัวเสาหลักเมืองนั้นมีอายุถึง 139 ปี สูงประมาณ 5 เมตร บนยอดเสาบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเอาไว้ ตัวฐานเป็นงานแกะสลักจากช่างพื้นบ้านฝีมือดีโดยใช้เวลาแกะถึง 6 เดือนเลยจ้า จะสวยขนาดไหนต้องไปชมเองนะ แวะมากราบกันจ้า เชื่อว่าจะได้รับสิริมงคลกันถ้วนหน้าแน่นอน
เราปิดท้ายทริปนี้กันที่ วัดพระบรมธาตุไชยา ซึ่งเป็นพิกัดที่มาสุราษฎร์ฯ แล้วจะพลาดไม่ได้เลยละ เพราะนี่คือปูชนียสถานที่สำคัญและเก่าแก่มากของเมืองนี้ สันนิษฐานกันว่าที่นี่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยที่อาณาจักรศรีวิชัยยังคงรุ่งเรืองอยู่ในแถบนี้เลยละ ด้านบนองค์เจดีย์พระบรมธาตุฯ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยนะ มาสุราษฎร์ฯ แล้วไม่ได้มากราบที่นี่ก็เหมือนยังมาไม่ถึงจ้า กาดอกจันเอาไว้ว่าห้ามพลาดเลย
นอกจากเกาะแก่งทั้งหลายหรือการไปล่องแพในเขื่อนเชี่ยวหลาน สุราษฎร์ธานีนั้นยังมีพิกัดที่น่าสนใจอีกมากมายเลยเชียวละ แถมที่นี่ยังเป็นเมืองที่เดินทางง่าย สะดวกสบาย และมีสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ที่เจ๋งคือแต่ละพิกัดนั้นให้ฟีลแบบแทบจะไม่ซ้ำกันเลยจ้า ลองมาขับรถเที่ยวสุราษฎร์ธานีกันดูซักทีน้า เชื่อว่าน่าจะมีหลายคนบ่นแน่นอนจ้ะ ว่าทำไมไม่มาตั้งนานแล้ว!