ถึงแม้ใครต่อใครจะบอกว่าช่วงพีคในการไปเยือนเชียงคานนั้นคือหน้าหนาว ซึ่งเราก็เห็นด้วยแหละว่าใช่! แต่จะบอกว่าในช่วงอื่นของปีก็มาชิลล์ที่นี่กันได้น้า เพียงแต่อากาศอาจจะไม่ได้เย็นเจี๊ยบเดินเพลินเหมือนในช่วงหน้าหนาวเท่านั้นเองจ้ะ แต่รับรองว่าบรรยากาศน่ารักของที่นี่ก็ยังมีให้สัมผัสกันได้ทุกช่วงของปีเลยเชียวละ อยากได้พิกัดพักใจแบบสบายๆ แนะนำว่าเชียงคานคือพิกัดที่ต้องไปโดนจ้า ถ้าสนใจ ก็ลองไปส่องตั๋วเครื่องบินเลยเพื่อไปเชียงคานกันได้กับ Traveloka Travel & Lifestyle Super App เลยนะ ไม่ว่าจะเป็นตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ที่เที่ยว หารถเช่าขับเที่ยวก็มีครบเลย แถมไปเชียงคานยังบินชั่วโมงเดียวก็ได้เที่ยวกันแล้วละ ตอนนี้ก็ไปดูก่อนเลยว่าจุดเช็คอินเชียงคานที่เราเอามาฝากกันน่ะ มีที่ไหนบ้าง
จองตั๋วเครื่องบินไปเชียงคาน กับ Traveloka > https://www.traveloka.com/th-th/flight/to/Loei.LOE
จองรถเช่า หรือเช่ารถ กับ Traveloka >
https://www.traveloka.com/th-th/car-rental
ทริปเชียงคาน 3 วัน 2 คืน
วันที่ 1
เปิดทริปกันที่ สกายวอล์คเชียงคาน เป็นพิกัดแรกเลยดีกว่า จริงๆ แล้วที่นี่มีชื่อแบบเต็มๆ ว่า ‘สกายวอล์คภูคกงิ้ว’ ซึ่งเป็นสกายวอล์คที่ใช้ชมวิวโค้งแม่น้ำโขงได้แจ่มสุดๆ เลยเชียวละ เพราะมีความสูงจากระดับแม่น้ำถึง 80 เมตร หรือประมาณตึก 30 ชั้นโน่นเลยจ้า ด้านหลังสกายวอล์คมีองค์พระใหญ่ภูคกงิ้วสูงกว่า 19 เมตรประดิษฐานอยู่ ไฮไลท์สุดๆ ก็คงหนีไม่พ้นทางเดินกระจกใสกว้าง 2 เมตร ยาวกว่า 100 เมตร ที่เปิดให้เราได้ไปเดินวัดใจกับวิวหวิวๆ ใต้ฝ่าเท้านี่ละ บอกเลยว่าเป็นพิกัดที่ทำให้อะดรีนาลินหลั่งปรี๊ดพร้อมเที่ยวต่อได้แบบสะใจแน่นอน
พิกัดแรกเมื่อมาถึงตัวอำเภอเชียงคาน อะไรจะดีไปกว่าการหาอะไรรองท้องกันล่ะ ถึงเวิ้งบ้านเก่าในเชียงคานนั้นจะไม่ได้กว้างมากมายนัก แต่กลับอัดแน่นไปด้วยร้านอร่อยเมนูเด็ดแบบจัดเต็มกันเลยจ้า เราเลือกชิม จุ่มนัวยายพัด เป็นเมนูแรกนะ เพราะนี่คือเมนูซิกเนเจอร์ซึ่งหากินได้แค่ที่นี่เท่านั้น จุ่มนัวนั้นเป็นอาหารจีนไหหลำที่เหมือนการนำก๋วยเตี๋ยว สุกียากี้ และเย็นตาโฟมารวมอยู่ในจานเดียวกัน ถึงหน้าตาและสีสันจะดูจัดจ้านถึงใจ แต่จริงๆ แล้วเมนูนี้รสชาติออกแนวนัวๆ ไม่เผ็ดนะ ใครชอบรสจี๊ดๆ ปรุงเพิ่มเอานิดนึงจ้า มาถึงเชียงคานแล้วต้องมาลอง
ช่วงเย็นๆ ไปจนถึงค่ำๆ กิจกรรมซึ่งทุกคนที่มาเชียงคานต้องทำก็คือการไปเดินเล่นที่ ถนนคนเดินเชียงคาน อันเป็นหนึ่งไฮไลท์หลักที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงจ้า ถนนคนเดินเชียงคานนั้นอยู่ในบริเวณถนนเส้นริมโขง สองฟากฝั่งถนนนั้นมีบ้านไม้สวยแบบดั้งเดิมให้เห็นกันเป็นระยะ ตลอดเส้นทางยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตรจะเต็มไปด้วยสารพัดข้าวของให้ชิม ช้อป ใช้ กันเลยจ้า ไม่ว่าจะเป็นเมนูเด็ดมากมาย ของใช้ เสื้อผ้า แอ็คเซสซอรี่ส์ ของฝาก และของที่ระลึก อัดแน่นกันไปตลอดทาง ไม่ว่าจะมาเดินกี่ครั้งก็ไม่มีคำว่าเบื่อแน่นอน
สิ่งหนึ่งที่เราเลิฟแบบสุดๆ ของถนนคนเดินเชียงคาน ก็คือบรรดาสารพันของกินนี่ละ ที่นี่มีตั้งแต่เมนูกินเล่น ขนม ของว่าง เครื่องดื่ม และอาหารจานหลักสารพัดรูปแบบให้ชิมกัน ที่ไม่อยากให้พลาดก็ต้องเป็นข้าวจี่ปิ้งร้อนๆ และกุ้งตัวเล็กๆ เสียบไม้ย่างนี่ละ ว่ากันว่ากุ้งแบบนี้เป็นกุ้งจิ๋วที่มีเยอะในพื้นที่แถบเชียงคาน และเป็นอีกซิกเนเจอร์ที่ไม่ควรพลาดมาชิมกันจ้า กุ้งตัวจิ๋วหมักเครื่องปรุงรสเค็มนิดๆ ย่างไฟมาร้อนๆ หอมๆ กรอบๆ นะ บอกเลยว่าไม้เดียวไม่เคยพอ!
วันที่ 2
เช้าวันต่อมา อยากชวนให้ฝืนเปลือกตาตื่นกันมาตอนเช้าหน่อยนะ เพราะเราจะชวนไปขึ้น ภูทอก เพื่อดักรอชมทะเลหมอกกันจ้า แม้ว่าในฤดูนี้อาจจะมีโอกาสเห็นทะเลหมอกกันได้ยากซักหน่อยนะ แต่บอกตรงๆ ว่าเรื่องแบบนี้ต้องอาศัยทั้งสภาพอากาศที่เหมาะสมและต้องพึ่งดวงกันพอสมควรเลยละ แต่ถึงจะไม่เห็นทะเลหมอกก็ไม่เป็นไร เพราะวิวมุมสูงยามเช้าที่จะได้เห็นจากบนนี้ก็สวยไม่แพ้ใครจ้า มาให้ทันแสงแรกแล้วกันนะ เชื่อว่ายังไงก็คุ้มค่าที่ต้องตื่นแต่เช้ามาอย่างแน่นอน
ชมแสงแรกที่ภูทอกกันจนเต็มตา ก็ได้เวลานั่งรถต่อมายัง วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน เป็นพิกัดต่อไป ในอดีตนั้น เพราะการเดินทางที่ยากลำบากกว่าจะขึ้นมาถึงวัดนี้ จึงมีความเชื่อตั้งแต่สมัยอดีตว่าต้องเป็นคนมีบุญเท่านั้นนะถึงจะมากราบรอยพระพุทธบาทที่นี่ได้ นอกจากจะแวะกราบนมัสการรอยพระพุทธบาทที่ประดิษฐานอยู่ด้านในแล้ว ที่นี่ยังมีสวนกระต่ายน่ารักตะมุตะมิให้เราเข้าไปให้อาหารในระยะประชิดกันด้วยจ้า เป็นพิกัดทำบุญที่เพลินๆ ดีนะ ลองแวะมาก็แล้วกัน
ขากลับจากวัด เราแวะชมอีกหนึ่งทิวทัศน์ซึ่งเป็นไฮไลท์ของเชียงคานกันที่ แก่งคุดคู้ ซึ่งเป็นแก่งหินขนาดใหญ่ที่กั้นขวางช่วงโค้งของแม่น้ำโขงในบริเวณนี้เอาไว้ โดยจะเห็นได้ชัดสุดๆ ในช่วงหน้าแล้งประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงพฤษภาคม ซึ่งจะเป็นช่วงที่น้ำจะลดจนเกิดชายหาดกว้างให้เราลงไปเดินเล่นริมแม่น้ำโขงกันได้อย่างใกล้ชิดด้วยนะ แนะนำให้มาช่วงเช้าจะดีสุดจ้า เพราะจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะ ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศจากการไปดูทะเลหมอกบนภูทอก ก็มาชิลล์ตรงนี้ได้ ใกล้ๆ ชายหาดยังมีร้านอาหารและร้านขายของให้แวะช้อปกันได้ด้วยจ้า ลองเก็บไว้เป็นอีกตัวเลือกละกัน
มะพร้าวแก้ว คือของฝากจากเชียงคานที่เราเชื่อว่าทุกคนที่มาต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไป ความเด็ดของมะพร้าวแก้วเชียงคานที่เราชอบใจก็คือเค้ามีหลายเกรดให้เราเลือกกินได้ตามความชอบ ตั้งแต่เกรดเอซึ่งเป็นมะพร้าวอ่อนนุ่มนิ่มกินเพลิน ไปจนถึงมะพร้าวแก้วแบบที่เป็นเส้นๆ ซึ่งจะมีเท็กซเจอร์แข็งๆ สู้ฟัน จะหาซื้อกันในถนนคนเดินก็ได้ แต่เรามักจะชอบไปแวะซื้อระหว่างทางกลับจากแก่งคุดคู้ ซึ่งริมถนนจะมีหลายร้านที่ทำกันใหม่ๆ ชนิดที่เราไปยืนดูยืนรอกันได้เลยละ ใครไม่รีบไปแวะชมวิธีทำกันก่อนซื้อก็เพลินดีนะ เป็นอีกพิกัดที่เราอยากแนะนำ
กลับมาถึงตัวอำเภอเชียงคานกันช่วงสาย ก็ได้เวลาแวะหาของหนักใส่ท้องกันซักหน่อยดีกว่า มื้อนี้เราแนะนำ ร้านข้าวเปียกเส้นบ้านคุณยาย ซอย 9 ล่าง ซึ่งเป็นร้านข้าวเปียกเส้นที่เรามากี่ครั้งก็ต้องแวะกินให้ได้เลยละ แม้ว่านี่จะเป็นเมนูที่หากินได้หลายร้านในเชียงคานนะ แต่สำหรับเราร้านนี้คือ The Best เลยจ้า ร้านจะเป็นร้านเล็กๆ ที่ถ้าไม่สังเกตก็อาจจะเดินผ่านไปได้ง่ายๆ ลองมองหากันให้ดีๆ ล่ะ เจ้าของร้านน่ารัก ข้าวเปียกเส้นก็แซ่บมากกก ร้านนี้เค้าตื่นมาต้มน้ำซุปกันตั้งแต่ตี 3 – ตี 4 เลยนะ นัวมาก ดีมาก ยิ่งถ้าได้มากินช่วงอากาศเย็นๆ ยิ่งฟินสุดๆ เลยละ ลองแวะมาชิมกัน
ช่วงกลางวันในเชียงคานนั้นจะค่อนข้างเงียบสงบและไม่ได้มีกิจกรรมอะไรให้ทำมากนัก ซึ่งเราชอบนะ เพราะมันคือการได้มาพักผ่อนแบบจริงจัง ดังนั้น ถ้าไม่นอนชิลล์อยู่ในห้องพัก เราก็มักจะเลือกไปเดินหาเมนูเด็ดในละแวกนี้กินกัน และ ร้าน แหนมคลุกแม่แห่ว คือพิกัดที่เราแนะนำ ถ้าคุณเป็นสายแซ่บนะ บอกไปเลยจ้าว่าขอรสชาติแบบจัดหนักจัดเต็ม แหนมคลุกร้านนี้ข้าวทอดใหม่ กรอบ หนังหมูซอยเป็นเส้นเล็กๆ เคี้ยวหนึบหนับสู้ฟันสุดๆ จ้า ถั่วลิสงคั่วใหม่ก็หอมมาก กินคู่กับผักสดที่แนมมา บอกเลยว่าฟินสุดๆ เชียวละ ร้านอยู่ในซอยใกล้ๆ กับวัดศรีคุณเมืองเลยจ้า ลองมาโดนกันดู
อีกหนึ่งความฟินของการมาเชียงคาน ก็คือการได้มาเดินเล่น ริมโขงยามเย็น นี่ละ แดดอ่อนๆ ลมพัดเอื่อยๆ สบายๆ แถมยังมีเส้นทางเลาะริมโขงให้เดินกันได้อย่างดี จะเดินรับลมก็ได้ หรือจะปั่นจักรยานไปเนิบๆ ก็ชิลล์นะ ตลอดทางยังมีร้านอาหารให้เราแวะนั่งหาอะไรกินพร้อมชมวิวแม่น้ำโขงแบบเพลินๆ ด้วยจ้ะ มาเดินกับเพื่อนก็ดี แต่ถ้ามากับคนรู้ใจก็จะยิ่งฟินดับเบิ้ลไปอีกจ้า เป็นอีกอารมณ์ที่จะทำให้ตกหลุมรักเชียงคานกันได้ไม่ยากเลย
วันที่ 3
เช้าวันสุดท้ายในเชียงคาน อยากชวนให้เริ่มวันด้วยการมา ตักบาตรข้าวเหนียว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ โดยอาจจะต้องตื่นเช้ามาสแตนบายด์ริมถนนกันตั้งแต่ประมาณตีห้าครึ่งนะ ตามหน้าที่พักต่างๆ มักจะเอาเสื่อมาปูให้เรานั่งรอพระกัน พร้อมทั้งบรรดาข้าวของสำหรับใส่บาตร ซึ่งเมื่อถึงเวลาจะมีพระเดินเรียงกันมาเป็นแถวยาวให้เราได้ปั้นข้าวเหนียวแล้วหย่อนลงบาตรกัน ใครเคยไปหลวงพระบางก็คืออารมณ์เดียวกันเลยจ้า ใส่บาตรเสร็จจะไปเดินเล่นรับลมชิลล์ๆ ริมโขงตอนเช้าก่อนกินข้าวก็เพลินดีนะ เป็นอีกกิจกรรมยามเช้าที่มาแล้วอย่าพลาดเชียว
ถ้าใส่บาตรเสร็จแล้วยังไม่หิวนะ ขอชวนให้นั่งรถไปชมวิวยามเช้ากันที่ ภูลำดวน ซึ่งอยู่ในอำเภอปากชมห่างจากเชียงคานไปไม่ถึงชั่วโมงจ้ะ ที่นี่เป็นอีกพิกัดชมพระอาทิตย์ยามเช้าซึ่งมีวิวสวยในระดับพีคๆ ของจังหวัดเลยเชียวนะ เดิมทีบนภูนี้เป็นพื้นที่การเกษตรของชาวบ้าน แต่ตอนหลังมีการปรับปรุงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวกัน บนภูลำดวนนั้นเราจะได้เห็นวิวมุมสูงของโค้งแม่น้ำโขงยาวเลยไปถึงฝั่งประเทศลาวโน่นเลยจ้า เป็นอีกพิกัดวิวสวยที่เราเชื่อว่าหลายคนต้องจะประทับใจแน่นอน
อีกหนึ่งเมนูที่เราอยากแนะนำให้ไปจัดกันในเชียงคาน ก็คือ ร้านส้มตำป้าหนู ร้านแผงลอยเล็กๆ ที่อยู่ในบริเวณถนนริมโขงซึ่งบอกเลยว่าถ้าไม่สังเกตก็คงหาไม่เจอแน่ๆ เพราะเราก็ไปเจอเข้าด้วยความบังเอิญเด้อ บอกเลยว่าใครเป็นสายแซ่บซี้ดที่ชอบกินเมนูส้มตำแบบจี๊ดจ๊าดไม่ออมมือ ร้านนี้คือที่สุดจ้า เราเลือกกินตำซั่วหัวไก่ซึ่งเป็นการนำเอาแป้งขนมจีนไปต้มเป็นก้อนๆ กันแบบต่อหน้าต่อตา ก่อนจะเอามาคลุกกับเครื่องส้มตำซึ่งใช้พริกขี้หนูสดหอมยั่วน้ำลาย ที่เก๋คือใส่ผักบุ้งต้มลงไปด้วยจ้า อีกเมนูที่นี่ก็คือการเอาขนมจีนเส้นสดมาลวกพร้อมผัก แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า พริกป่น มะนาว ก่อนตักใส่ปาก ง่ายๆ แต่แซ่บได้ใจทั้งสองเมนูจ้า ร้านนี้ขอบอกว่าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ก่อนบอกลาเชียงคาน เราแวะไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยกันที่ วัดศรีคุณเมือง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ที่อยู่คู่เชียงคานมาอย่างยาวนาน วัดนี้สร้างในศิลปะสไตล์ล้านนา มีประติมากรรมปูนปั้นและภาพจิตรกรรมฝาผนังเก่าแก่ให้ชมกันด้วยจ้ะ ด้านในมีองค์พระประธานปางนาคปรกอายุกว่า 300 ปีให้กราบสักการะกัน ตัววัดตั้งอยู่ระหว่างซอยศรีเชียงคาน 6 และ 7 นะ เป็นอีกพิกัดที่มาเชียงคานแล้วไม่ควรพลาดเลย
สำหรับเรา เชียงคานคือพิกัดพักใจที่ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ ถึงที่นี่จะเป็นเมืองเล็กๆ เรียบง่าย ซึ่งไม่ได้มีอะไรให้ทำมากมายนัก แต่กลับเหมาะกับการไปพักผ่อนนั่งๆ นอนๆ แล้วเดินหาของอร่อยกินแบบสุดๆ เลยละ อยากเที่ยวแบบชิลล์ๆ ไม่เน้นกิจกรรมมากมาย ปักหมุดไปเชียงคานได้เลยจ้ะ รับประกันเลยว่าได้ชาร์จแบตกันกลับมาอย่างเต็มที่แน่นอน