เทรนด์ยอดนิยมของการท่องเที่ยวในช่วงนี้ คงไม่มีอะไรฮิตไปกว่าการถ่ายรูปเช็คอินกับทุ่งดอกไม้ สวยก็สวยแถมอากาศก็เย็นสบาย ให้อารมณ์เหมือนได้ไปเมืองนอกยังไงยังงั้น วันนี้เราเลยขอรวมเอาจุดดูดอกไม้ทั่วไทยมาฝากกัน ใครมองหาที่เที่ยวบรรยากาศดีอยู่ รับรองต้องโดนใจ! แล้วจะให้ประหยัดงบนะ แนะนำให้จองตั๋วเครื่องบินราคาสบายๆ จาก Traveloka ไปเลยจ้า เพราะว่าเค้ามี Feature ใหม่ที่จะช่วยเปรียบเทียบราคาตั๋วและโปรโมชั่นจากทุกสายการบินให้เราได้ในคลิกเดียว ประหยัดเวลาแถมได้ตั๋วราคาดี ไม่ต้องไปตามหาเองจากหลายที่ให้ปวดหัว และถ้าจะเที่ยวแลนด์มาร์คแจ่มๆ ให้ทั่ว แนะนำให้จองรถเช่า หรือเช่ารถกับ Traveloka ไปด้วยเลยจ้า สะดวก ปลอดภัย ราคาดี จะได้เที่ยวกันแบบแฮปปี้แน่นอน
ถ้าหากว่าใครอยากซื้อตั๋วเครื่องบินให้ได้ราคาถูก ประหยัด หรือว่าอยากเปรียบเทียบราคาแต่ละสายการบิน ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ จองตั๋วเครื่องบินกับ Traveloka คลิก > https://www.traveloka.com/th-th/flight หรือ #Travelokaเทียบแล้วเที่ยวเลย > https://www.traveloka.com/th-th/promotion/promofilter
30 จุดชมดอกไม้สวยเหมือนไปเมืองนอก
1. เทศกาลเชียงรายดอกไม้งาม / เชียงราย
เป็นงานที่คนรักดอกไม้พลาดไม่ได้จริงๆ จ้ะ เพราะว่างานนี้จะทำให้คุณเหมือนได้วาร์ปไปยืนอยู่กลางสวนดอกไม้ในเนเธอร์แลนด์เลยทีเดียว โดยเค้ารวบรวมเอาไม้ดอกเมืองหนาวยอดฮิตอย่างทิวลิปหรือลิลลี่และอีกมากมายมาไว้ให้ดูกันเพียบ สารพัดสี สารพัดสายพันธุ์ ปีนึงมีให้ดูกันครั้งเดียวในช่วงที่อากาศหนาวๆ นี่ละ และปีนี้งานจะจัดในวันที่ 26 ธันวาคม 2563 – 10 มกราคม 2564 น้า ใครมีจังหวะก็ปักหมุดเลยจ้า เชื่อว่าฟินแน่นอน
2. ฟลอร่า พาร์ค / นครราชสีมา
อีกหนึ่งพิกัดสวยที่เปิดให้เข้าชมกันได้เพียงช่วงเดียวเท่านั้นในแต่ละปี โดยที่นี่จะมีไฮไลท์เป็นสวนซึ่งได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ด้วยการจัดแต่งให้มีรูปทรงที่เป็นระเบียบ ชนิดที่แค่มองจากที่ไกลๆ หรือเดินดูไปรอบๆ ก็เพลินแล้ว แต่ที่เด็ดคือเค้ามีหอคอยสูงให้เราได้ขึ้นไปดูวิวโดยรอบแบบ 360 องศา และเมื่อมองมาที่บริเวณสวนหลักแล้วรับรองจะต้องว้าวเชียวละ แถมยังมีอุโมงค์ดอกไม้ แปลงผัก และไร่กาแฟ ใครสนใจปีนี้เค้าเปิดตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2563 – 30 มีนาคม 2564 น้า ไปจ้าาาาไป
3. ทุ่งทานตะวัน / ลพบุรี
นับเป็นแลนด์มาร์คสุดคลาสสิกที่ครองใจคนรักดอกไม้และการถ่ายรูปมาอย่างยาวนาน ชนิดที่รู้กันเลยว่าถ้าลมหนาวเริ่มมาถึงเมื่อไหร่ ทานตะวันสวยๆ ในทุ่งกว้างของเมืองลพบุรีก็จะเริ่มเบ่งบานให้ได้ชมกันเมื่อนั้น และเชื่อว่าหลายคนจะปักหมุดกันเอาไว้ในทุกปี ในลพบุรีนั้นมีทุ่งทานตะวันให้แวะเที่ยวกันหลายแห่ง โดยจะมีโลเกชั่น ขนาด และทิวทัศน์ที่แตกต่างกันไป สะดวกตรงไหนก็แวะจอดรถเที่ยวกันได้เลยจ้า รับรองว่าสวยสะใจ
4. ภูลมโล / เลย
ภูลมโล เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คแสนสวยที่อยู่ในอำเภอด่านซ้าย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ซึ่งอยู่ในเขตรอยต่อของจังหวัดเลย เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก ที่นี่เป็นสวรรค์สำหรับคนที่รักความสวยของดอกซากุระเมืองไทย หรืออยากได้ฟีลเหมือนวาร์ปไปอยู่กลางเทศกาลฮานามิในญี่ปุ่นเลยทีเดียวละ เพราะนี่คือดงต้นนางพญาเสือโคร่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยนะ และช่วงพีคสุดๆ มักจะอยู่ระหว่างเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์จ้า มาได้มานะ รับรองว่าฟิน
5. ทุ่งดอกเก๊กฮวยสะเมิง / เชียงใหม่
ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีพิกัดทุ่งดอกเก๊กฮวยสวยๆ ให้ชมกันมากขึ้นในหลายสถานที่ แต่เราก็เชื่อว่าที่บ้านอมลองในอำเภอสะเมิงแห่งนี้นั้นยังยืนหนึ่งเรื่องทุ่งเก๊กฮวยอยู่เสมอ เพราะนอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องการเป็นแหล่งปลูกสตรอว์เบอร์รี่แห่งใหญ่ในประเทศแล้วนะ ที่นี่ยังเป็นพิกัดที่มีแปลงเก๊กฮวยสวยๆ ทั้งสีเหลืองและสีขาวให้เราได้เที่ยวกันอยู่หลายแห่ง แต่โดยส่วนใหญ่ เก๊กฮวยที่นี่จะเริ่มผลิบานให้ชมความสวยกันราวๆ เดือนตุลาคม – พฤศจิกายนนะ ถ้าปีนี้ไม่ทัน ลองปักหมุดไว้ปีหน้าเด้อ หรือถ้าไปปีนี้แล้วไม่เจอเก๊กฮวยก็ยังได้เจอสตรอว์เบอร์รี่น้า ยังไงซะก็ไม่เสียเที่ยวแน่นอน
6. ทะเลบัวแดง / อุดรธานี
ช่วงเดือนธันวาคม – กุมภาพันธ์ของทุกปี ที่นี่คือแลนด์มาร์คยืนหนึ่งแห่งนึงในเรื่องของการเป็นพิกัดชมดอกไม้ในภาคอีสานแบบไม่ซ้ำใคร เพราะเป็นจุดชมดอกไม้ในทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่จะเต็มไปด้วยดอกบัวสีชมพูในช่วงฤดูหนาว แนะนำเลยว่าให้มาแต่เช้า แล้วเช่าเรือล่องชมวิวสวยๆ รับอากาศหนาวๆ พร้อมชมแสงแรกของวันที่ค่อยๆ โผล่มาแตะขอบฟ้า จากนั้นค่อยๆ ตระเวนชมมุมต่างๆ ในทะเลสาบให้ทั่วๆ ใครชอบถ่ายรูปคือแฮปปี้ ใครชอบบรรยากาศดีๆ วิวสวยๆ คือเด็ดมากจ้า รับรองเลย
7. ทุ่งดอกไม้ป่า น้ำตกสร้อยสวรรค์ / อุบลราชธานี
อีกหนึ่งพิกัดสำหรับคนรักดอกไม้ที่มีแพลนไปเที่ยวในภาคอีสาน โดยที่นี่นั้นมีเสน่ห์ความสวยเป็นเอกลักษณ์ด้วยการเป็นทุ่งดอกไม้บนลานหินกว้าง ซึ่งตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ส่วนดอกไม้ที่อยู่บริเวณนี้นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นดอกไม้ป่าหรือดอกหญ้าหลากสีสันปะปนกันอยู่ราวๆ 5 ชนิด มีทั้งดอกดุสิตา สร้อยสุวรรณา ทิพเกสร มณีเทวา สรัสจันทร ซึ่งจะมีสีสันปะปนกันไป และจะผลิบานในช่วงฤดูหนาวราวๆ ปลายเดือนตุลาคม – ธันวาคม ของทุกปี ที่นี่ให้ฟีลทุ่งดอกไม้ในนิยายหน่อยๆ นะ สวยน่ารักตะมุตะมิแบบเป็นธรรมชาติมากจ้า เป็นความสวยแบบเรียบๆ แต่น่ารักนะ อากาศก็ดี๊ดี ถ้ามีโอกาสอย่าลืมแวะมา
8. สิงห์ปาร์ค / เชียงราย
เชื่อว่าใครที่มาเชียงรายต้องไม่ยอมพลาดการมาเช็คอินที่นี่ เพราะสิงห์ปาร์คกลายเป็นแลนด์มาร์คหลักแห่งหนึ่งที่ถ้ามาถึงแล้วไม่แวะก็น่าเสียดาย ด้วยความที่เดินทางง่ายเพราะอยู่ใกล้ตัวเมือง แถมมีทุกอย่างให้เที่ยวกันแบบครบๆ ในจุดเดียว ทั้งไร่ชา เครื่องเล่นแอดเวนเจอร์ เส้นทางปั่นจักรยานแสนสวย และไฮไลท์อย่างทุ่งดอกไม้หลากหลายรูปแบบ บางมุมคือสวยแบบฟีลยุโรปมากจ้าแม่ มาแล้วรับรองว่าเพลินแน่นอน
9. ทุ่งปอเทือง / นครสวรรค์
นอกจากทุ่งทานตะวันลพบุรีที่เราจะไปถ่ายรูปกันได้ท่ามกลางสีเหลืองสดใสกว้างขวางสุดลูกหูลูกตาแล้ว ที่ไร่ธรรมชัยในจังหวัดนครสวรรค์ก็ยังมีทุ่งดอกปอเทืองสีเหลืองสดไม่แพ้กันให้ได้แวะเช็คอินอีกด้วย โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคมของทุกปี ดอกปอเทืองของไร่นี้จะบานพรึ่บพรั่บอวดความสวยกันแบบจุกๆ ในพื้นที่กว้าง 40 ไร่ และถ้ายังไม่จุใจ ใกล้ๆ กันก็ยังมีทุ่งทานตะวันให้ได้ไปแชะรูปกันแจ่มๆ ด้วยจ้า เดินทางง่าย แถมค่าใช้จ่ายก็ไม่แพงมากด้วยนะ เป็นอีกหนึ่งพิกัดที่น่าสนใจเชียวคุณ
10. I love flower farm / เชียงใหม่
ถ้าอยากตามเทรนด์ด้วยการได้ไปออกแอ็คติ้งถ่ายรูปสุดฟรุ้งฟริ้งกันท่ามกลางทุ่งดอกไม้ มั่นใจเลยว่าที่นี่ต้องเป็นพิกัดที่ยืนหนึ่งลอยมาในใจเมื่อหลายคนนึกถึงทุ่งดอกไม้เมืองเชียงใหม่ เพราะมีทั้งทุ่งดอกสร้อยไก่หลากสีที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ชนิดที่เห็นแล้วพาให้นึกถึงฮอลแลนด์หรือฮอกไกโดไปโน่นเลย แล้วยังมีทุ่งดอกเวอร์บีน่ารวมถึงคัตเตอร์สีขาวและสีม่วงที่ให้บรรยากาศมุ้งมิ้งเว่อร์จ้า มาเชียงใหม่อย่าลืมปักหมุดกันนะ เชื่อว่าฟินชัวร์
11. ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อูคอ / แม่ฮ่องสอน
เมื่อถึงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี หนึ่งในพิกัดยอดฮิตที่สาวกไม้ดอกต้องปักหมุดกันแบบพลาดไม่ได้ ก็ต้องยกให้ที่นี่รวมอยู่ด้วยแน่ๆ เพราะความสวยของดอกบัวตองสีเหลืองสดใสจะย้อมให้ภูเขาตรงนี้เป็นทุ่งดอกไม้สีเหลืองกว้างสุดลูกหูลูกตา บอกได้เลยว่ายืนหนึ่งเรื่องความสวยอลังการเว่อร์วัง ถ้าปีนี้มาไม่ทันปักหมุดล็อคคิวปีหน้าไว้ได้เลยจ้า รับรองเลยว่าสวยสุดปังเหมือนหลุดเข้าไปในฉากหนังเลยเชียวละ
12. จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม / นครราชสีมา
เชื่อว่าเป็นแลนด์มาร์คชมดอกไม้ที่หลายคนรอคอยอีกหนึ่งแห่งแน่ๆ เพราะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เปิดให้ชมแค่เพียงช่วงเดียวในหนึ่งปีอีกเช่นกัน โดยในปีนี้นั้นเปิดให้เข้าชมกันได้ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2563 – 3 มกราคม 2564 ซึ่งด้านในของที่นี่เรียกได้ว่าเป็นพิกัดชมดอกไม้ซึ่งมีความเป็นเอกลักษณ์ นอกจากทุ่งดอกไม้สวยๆ แล้ว ที่นี่ยังมีเรือนไทยสี่ภาคซึ่งเป็นฉากละครยอดฮิตที่คุ้นตา แถมมีผลิตผลการเกษตรอีกมากมายให้ได้เดินดูเดินช้อปกัน ถ้าชอบถ่ายรูปมาที่นี่คือมันแน่ๆ เพราะมีวิวหลายรูปแบบให้ได้แชะกันจุกๆ จ้า ชม ช้อป ชิม ชิลล์ ที่นี่ที่เดียวได้หมดเลยนะ คุ้มจริง
13. ภูเรือ / เลย
ถ้าชอบอากาศเย็นสบาย จะมองข้ามจังหวัดที่หนาวที่สุดในเมืองไทยอย่างเลยไปไม่ได้เชียว และถ้าอยากเห็นดอกไม้สวยๆ ท่ามกลางอากาศหนาวๆ ให้สะใจ ภูเรือคือพิกัดที่ต้องปักหมุดเอาไว้เลยละ เพราะมีจุดเด่นเป็นสวนไม้ดอกเมืองหนาวหลากหลายชนิด และมีไฮไลท์อยู่ที่ลานต้นคริสต์มาสซึ่งจะพากันเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงสดเมื่อถึงหน้าหนาว โดยมีกังหันลมหน้าตาคลาสสิกที่ชวนให้คิดถึงเนเธอร์แลนด์เป็นจุดรวมสายตา เป็นอีกพิกัดที่เชื่อว่าสายถ่ายรูปเช็คอินน่าจะถูกใจ
14. โครงการหลวงขุนแปะ / เชียงใหม่
สำหรับอีกจุดที่เชื่อว่าหลายคนปักหมุดเมื่อมาเชียงใหม่ ก็คงต้องยกให้ที่ทุ่งไฮเดรนเยียของโครงการหลวงขุนแปะนี่ละ เพราะเป็นอีกพิกัดที่มาแรงในช่วงปีหลังๆ มานี้ กับมุมยอดฮิตที่ต้องมีตระกร้าสานทรงสูงซึ่งเต็มไปด้วยดอกไฮเดรนเยียสะพายหลังท่ามกลางดงดอกไม้ให้อารมณ์ชนกลุ่มน้อยแบบเบาๆ หลายคนบอกว่าที่นี่ดูแล้วให้ฟีลเหมือนเราได้ไปอยู่ในซาปา ประเทศเวียดนามยังไงยังงั้น หนาวนี้ใครขึ้นเชียงใหม่อย่าลืมไปเช็คอินกันน้า รับรองว่าได้รูปกลับมาเพียบแน่นอน
15. ไร่พราวตะวัน / นครราชสีมา
อยากได้อารมณ์ชมทุ่งทานตะวันเหมือนอยู่ในอิตาลี แนะนำให้ปักหมุดที่นี่เอาไว้ เพราะเป็นไร่ทานตะวันขนาดใหญ่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา โดยนอกจากภูเขาและต้นไม้ใหญ่ที่มีให้เห็นแล้ว แบ็คกราวนด์ด้านหนึ่งของที่นี่ยังเป็นทอสคาน่าวัลเล่ย์ ที่จำลองหมู่บ้านสวยสไตล์อิตาลีมาไว้ที่เขาใหญ่แบบไม่ผิดเพี้ยน แถมมีหอเอนปิซ่าจำลองที่มองเห็นแต่ไกลให้เห็นด้วยจ้า บอกเลยว่าถ้าเล็งจังหวะถ่ายรูปให้ดีๆ ก็เหมือนวาร์ปไปอิตาลีเลยเชียวละ
16. ทะเลน้อย / พัทลุง
ชวนไปเปลี่ยนบรรยากาศดูบัวในทะเลสาบกันอีกที คราวนี้ขอพาลงใต้ไปที่ทะเลน้อย ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ในอำเภอควนขนุน ที่ยืนหนึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเบอร์ต้นของพัทลุงมาเนิ่นนาน ความโดดเด่นของที่นี่อยู่ที่มีบัวให้ชมถึง 4 สายพันธุ์ และแม้เทียบกันแล้วจะมีความหนาแน่นของดอกไม้น้อยกว่าทะเลบัวแดงที่อุดรฯ อยู่นิดหน่อย แต่จุดที่น่าสนใจคือความหลากหลายทางชีวภาพและทิวทัศน์ที่เราจะได้เห็นกัน ไม่ว่าจะเป็นนกนานาสายพันธุ์ หรือบรรดาควายน้ำหน้าตาน่าเอ็นดู ปิดท้ายที่วิวสวยๆ ของยอยักษ์ซึ่งเรียงรายในบริเวณคลองปากประที่อยู่ใกล้กัน แนะนำให้มาล่องเรือเที่ยวในช่วงเช้านะ รับรองว่าแฮปปี้แน่นอน
17. ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงขุนวาง / เชียงใหม่
ภาพทิวต้นซากุระเมืองไทย หรือ ต้นนางพญาเสือโคร่งที่ผลิดอกสีชมพูเรียงรายเป็นแถวยาวตลอดทางเดินสายเล็กๆ ที่ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในฉากหนังโรแมนติกของญี่ปุ่น ซีรี่ย์เกาหลี หรือชนบทบรรยากาศดีๆ ในยุโรปที่หลายคนติดใจ สามารถมาปักหมุดชมกันได้ในระยะประชิดที่ศูนย์วิจัยเกษตรหลวงขุนวางแห่งนี้นี่ละจ้า แถมที่นี่มีดอกนางพญาเสือโคร่งให้ดูทั้งสีชมพูและสีขาวเลยนะ ความสวยจะพีคสุดในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์เด้อ นอกจากดอกไม้เค้ายังมีพืชผลเมืองหนาวให้ชมกัน ใครอยากดื่มด่ำความสวยให้ยาวๆ ก็เอาเต็นท์มากางนอนได้ด้วยจ้า ฟินในฟินเลยนะ พูดจริงๆ
18. ทุ่งดอกกระเจียว / ชัยภูมิ
แม้จะเลยช่วงชมความสวยของดอกกระเจียวในชัยภูมิไปแล้ว เพราะช่วงพีคของที่นี่จะอยู่ระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคมของทุกปี โดยที่นี่มีพิกัดใหญ่ๆ ที่น่าแวะไปชมความสวยกันได้สองแห่ง คือที่ทุ่งดอกกระเจียวไทรทอง และทุ่งดอกกระเจียวป่าหินงาม โดยทั้งสองแห่งจะมีช่วงผลิบานของดอกไม้ต่างกันไปนิดหน่อยนะ แต่รับรองว่าสวยคนละฟีลเที่ยวได้เพลินทั้งสองที่จ้า ถ้าไม่ทันปีนี้ปักหมุดเอาไว้เที่ยวปีหน้าน้า อีกไม่กี่เดือนเอง
19. ม่อนแจ่ม / เชียงใหม่
ม่อนแจ่มคือแลนด์มาร์คยอดฮิตของเชียงใหม่ที่เราบอกได้เลยว่าแจ่มสมชื่อ และเชื่อเลยว่าที่นี่คือพิกัดโปรดซึ่งอยู่ในดวงใจของใครหลายคนแน่ๆ ไฮไลท์ของม่อนแจ่มคือลานดอกไม้บนที่สูงซึ่งแวดล้อมไปด้วยขุนเขาและแปลงพืชที่ปลูกแบบขั้นบันได แถมยังเดินทางง่าย ไม่ไกลจากเมืองเชียงใหม่มากนัก อยากแวะแปลงสตรอว์เบอร์รี่ที่นี่ก็มีจ้า หรือถ้าอยากนั่งคาเฟ่จิบกาแฟชมวิวเก๋ๆ ที่นี่ก็เพียบ อยากนอนเต็นท์ก็มีให้เลือกกันหลายแห่งเชียวละ แถมมีเมนูเด็ดเป็นหมูกระทะบนดอยอีกนะ ไม่ฟินก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว
20. ภูสอยดาว / อุตรดิตถ์
บอกได้เลยว่านี่คือหนึ่งในเส้นทางเดินป่าที่ขึ้นชื่อว่าโหดหินที่สุดของเมืองไทย และไฮไลท์ที่ดึงดูดให้หลายคนยอมฝ่าฟันความยากลำบากทั้งหลายขึ้นไปถึงที่นี่ ก็เป็นเพราะในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายนของทุกปี ที่นี่จะมีทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงตะมุตะมิขึ้นกระจายเป็นลานกว้างอยู่กลางป่าสน ให้ฟีลโรแมนติกเหมือนป่าในนิทานนิดๆ เหมือนกันนะ แถมหน้าฝนยังมักจะมีหมอกขาวๆ ลอยให้เห็นอยู่ในป่า เพิ่มความน่าค้นหาเข้าไปอีก เป็นพิกัดทุ่งดอกไม้สุดอเมซิ่งที่สายลุยไม่ควรพลาดเลย
21. ดอยหัวหมด / ตาก
ดอกเทียนปีกผีเสื้อนั้นเป็นไม้ดอกลิมิเต็ดที่พบได้เพียงไม่กี่พิกัดในเมืองไทย และหนึ่งในนั้นคือที่ดอยหัวหมดแห่งนี้ ที่สำคัญคือวิธีการไปชมก็ไม่ได้ยากเย็นมากนัก เพราะสามารถขับรถขึ้นไปและเดินเท้าต่ออีกราวๆ 300 เมตรเท่านั้น ก็จะพบกับทุ่งดอกเทียนปีกผีเสื้อสีชมพูม่วงสวยหวานบานสะพรั่ง ซึ่งจะมีให้ชมกันเพียงปีละครั้งในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายนของทุกปี แนะนำให้ไปช่วงเช้าหรือเย็นที่จะดูพระอาทิตย์ขึ้นหรือตกได้ด้วยนะ จะได้ชมวิวกันแบบเต็มตาคุ้มๆ ไปเลยจ้า ปักหมุดไว้ฤดูฝนปีหน้าเลยนะ อยากให้มาเห็นจริงๆ
22. ดอยอ่างขาง / เชียงใหม่
เรียกว่านี่เป็นพิกัดท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของเชียงใหม่ที่มีผู้คนหลั่งไหลไปชมความสวยกันตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหน้าหนาวแบบนี้ยิ่งนับเป็นช่วงพีคเลยจ้า เพราะไม้ดอกเมืองหนาวจะบานสะพรั่งกันแบบเต็มที่เต็มตา แถมยังได้เดินฝ่าอากาศเย็นๆ ชมไม้ดอกสารพัดสายพันธุ์ที่แข่งกันโชว์ความสวย นอกจากในบริเวณสวนแล้ว ถ้าปักหมุดไปที่นี่ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ยังจะมีซากุระเมืองไทยสีชมพูสดใสบานให้ชมกันด้วยจ้า ชอบดอกไม้ต้องมานะ เชื่อว่าแฮปปี้แน่นอน
23. สุรชัยฟาร์ม / เชียงใหม่
ถึงแม้จะไม่ใช่ทุ่งดอกไม้ที่มีสีสันจากธรรมชาติกันแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เชื่อเถอะว่าถ่ายรูปออกมาคือเฟี้ยวเว่อร์ เพราะแม้เชียงใหม่ในตอนนี้จะมีทุ่งดอกไม้สวยๆ ให้เช็คอินกันเพียบ แต่ที่นี่คือทุ่งมากาเร็ตสีรุ้งแห่งเดียวในเมืองไทยจ้า บอกเลยว่าสวยจนคล้ายกับอยู่ในความฝันเชียวละ แล้วเค้ายังมีดอกไม้อื่นๆ ให้เดินดูกันเพลินๆ ด้วยนะ ใครหาพิกัดถ่ายรูปแบบคูลๆ อยู่คือต้องแวะจริงๆ ไม่งั้นรับรองเลยว่าเสียดายแน่ หนาวนี้ถ้ามีแพลนขึ้นไปเชียงใหม่ลงลิสต์ไว้เลยนะ เชื่อว่าได้รูปกลับมาเป็นร้อยชัวร์
24. ดอยตุง / เชียงราย
เป็นพิกัดสุดคลาสสิกที่ยืนหนึ่งคู่เมืองเชียงรายมาหลายปี และเป็นสวนดอกไม้ที่สวยอย่างมีระเบียบแบบแผนในสไตล์ของตัวเองที่ไม่ซ้ำใคร สวนดอกไม้ในดอยตุงนั้นสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เพราะอากาศที่นี่เย็นสบาย และยังมีการปรับเปลี่ยนพันธุ์ไม้ให้เข้ากับสภาพอากาศในแต่ละช่วงอยู่ตลอดเวลา ทำให้เที่ยวกันได้บ่อยๆ แบบไม่น่าเบื่อ บอกเลยว่าถ้าพูดถึงสวนดอกไม้ที่ให้ฟีลคล้ายกับอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ดอยตุงยังเป็นดินแดนที่ยืนหนึ่งในใจเราเสมอแน่นอน
25. ทุ่งดาวเรือง / สุโขทัย
วาร์ปจากบนดอยมาชมดอกไม้ที่เมืองเก่าอย่างสุโขทัยกันบ้างดีกว่า เพราะที่บ้านปากแควนั้นนับเป็นแหล่งปลูกดาวเรืองขนาดใหญ่ โดยมีแปลงปลูกที่กินเนื้อที่ถึงประมาณ 100 ไร่เลยทีเดียว! เรียกว่าเมื่อเดินเข้าไปก็จะได้เห็นสีเหลืองของดาวเรืองเป็นทุ่งกว้างสุดสายตา แนะนำว่าตอนเช้าคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเช็คอินที่นี่ เพราะแสงแดดก็สวยกำลังดี อากาศไม่ร้อนมากเกินไป แล้วยังได้เห็นชาวไร่เข้ามาตัดดอกดาวเรืองไปขายกันด้วยนะ ไม่อยากขึ้นดอยหรือเดินทางไกลปักหมุดไว้เลยจ้า บอกเลยว่าอลังการ!
26. ไร่ศักดิ์สุภา / ปราจีนบุรี
ไม่น่าเชื่อว่าขับรถจากกรุงเทพฯ ไปไม่กี่ชั่วโมง เราก็จะได้เห็นทุ่งดอกหงอนนาคสีม่วงอมน้ำเงินแบบพาสเทลสวยหวาน ที่บานสะพรั่งกันท่ามกลางต้นไม้ใหญ่แบบแน่นๆ ให้อารมณ์เหมือนป่าสวยในยุโรป หรือภาพจินตนาการในนิทานยังไงยังงั้นเลยจ้า แถมที่นี่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครันเพราะอยู่ในพื้นที่รีสอร์ทขนาดใหญ่ ดอกหงอนนาคจะบานในช่วงปลายฝนต้นหนาวราวๆ ปลายเดือนกันยายนจนถึงพฤศจิกายนเลยเด้อ ปักหมุดไว้เลยจ้า ปลายฝนต้นหนาวปีหน้าห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
27. ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงทุ่งเริง / เชียงใหม่
ใครเป็นสาวกของราชินีแห่งดอกไม้อย่างดอกกุหลาบ ห้ามพลาดพิกัดนี้ด้วยประการทั้งปวงจ้า เพราะที่นี่เค้ามีแปลงกุหลาบหลากสีสันหลายสายพันธุ์ ที่แข่งกันเบ่งบานส่งกลิ่นหอมฟุ้งอยู่ในโรงเรือนขนาดใหญ่ เรียกว่าเดินดูเดินดมกันได้แบบยาวๆ กับกลิ่นหอมเบาๆ อโรม่าแบบสุดธรรมชาติ ดูกุหลาบเสร็จแวะดูพืชพรรณอย่างอื่นต่อก็ยังได้ แล้วอย่าลืมปิดท้ายที่ร้านอาหารของเค้านะ มีเมนูชาและขนมน่ารักๆ ที่ใช้กุหลาบเป็นวัตถุดิบหลักให้ชิมเพียบ ใครรักกุหลาบบอกเลยว่าที่นี่น่ะ สวรรค์ชัดๆ นะคุณ
28. ทุ่งกระดุมทอง / อุบลราชธานี
นับเป็นอีกหนึ่งพิกัดทุ่งดอกไม้ที่ไม่ซ้ำใครเลยจ้า กับดอกกระดุมทองสีเหลืองจัดจ้าสุดน่ารักซึ่งพร้อมใจกันบานพรึ่บพรั่บ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้กลางป่า ที่น่ารักคือทั้งหมดนี้เป็นดอกไม้ตามธรรมชาติที่จะเบ่งบานทุกปีหลังจากมีการเกี่ยวข้าวในนาเสร็จสิ้นลงไป และจะมีให้เห็นกันในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคมเท่านั้นนะ อากาศก็กำลังสบาย แถมได้ชมทุ่งดอกไม้ในสไตล์ธรรมชาติ อย่าพลาดเชียว
29. หมู่บ้านดอกไม้บ้านห้วยสำราญ / อุดรธานี
นอกจากทะเลบัวแดงสุดอลังการ อุดรฯ ยังมีหมู่บ้านดอกไม้ขนาดใหญ่ให้ชมกันได้อีก ที่นี่เป็นแหล่งปลูกไม้ตัดดอกหลายชนิดไม่ว่าจะเป็นดาวเรือง เบญจมาศ คัตเตอร์ หรือกุหลาบ และเวลาที่เหมาะกับการมาชมความสวยของดอกไม้ก็แนะนำให้มาในช่วงเช้าที่แสงนวลตา เพราะถ่ายรูปออกมาจะสวยมาก ถ้าไม่อยากเบียดผู้คนมากมายเวลาไปเที่ยวทุ่งดอกไม้ยอดฮิตที่อื่นนะ บ้านห้วยสำราญนับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีเลยเชียว
30. เพลาเพลิน / บุรีรัมย์
ปิดท้ายกันที่อีกหนึ่งแลนด์มาร์คของบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นที่เที่ยวแบบวันสต็อปเซอร์วิสสำหรับเราเลยละ เพราะเค้ามีทั้งที่พัก ร้านอาหาร คาเฟ่ ทุ่งดอกไม้กลางแจ้ง และโรงเรือนปลูกไม้ดอกไม้ใบแบบควบคุมสภาพแวดล้อม และมีคอนเซ็ปท์หลากหลายแตกต่างกันไปในแต่ละหลัง ดูดอกไม้แล้วอยากออกมาทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์กันบ้าง เค้าก็มี งานอดิเรกที่ต้องใช้ฝีมือประดิดประดอยที่นี่ก็เพียบจ้า หนาวนี้ลองเปลี่ยนฟีลมาเที่ยวบุรีรัมย์กันดูนะ เราว่าก็เพลินดี
เพราะทุกครั้งที่ลมหนาวมา จะเป็นช่วงที่บรรดาไม้ดอกรักอากาศเย็นทั้งหลายในบ้านเราเบ่งบานได้สวยที่สุดของปี ที่เริ่ดคือมีหลายพิกัดกระจัดกระจายให้เลือกปักหมุดกันได้ตามงบประมาณและความสะดวกไปเลยจ้า อากาศเย็นๆ แถมได้เดินดูดอกไม้สวยๆ ในเวลาที่ปราศจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศแบบนี้ ก็ให้ฟีลเพลินๆ ชนิดที่น่าประทับใจไปอีกแบบนะ เลือกพิกัดที่ใช่แล้วปักหมุดได้เลยจ้า หน้าหนาวบ้านเรามันสั้นมากนะ รีบเที่ยวรีบไปชิลล์กันเลย อย่ามัวรอ!