อีสานบ้านเรา เป็นภูมิภาคที่มีความโดดเด่นทางภูมิศาสตร์ มีพื้นที่มีความหลายทางธรรมชาติ และยังเป็นดินแดนที่อุดมไปด้วยหลักฐานสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีขนบธรรเนียมประเพณี และวัฒนธรรมที่เก่าแก่งดงาม มี วัดวาอารามและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มากมายให้นักท่องเที่ยวต่างถิ่นได้สักการะบูชา อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยๆ ให้ชมอีกมากมาย ใครกำลังเล็งทริปไปเที่ยวภาคอีสานอยู่ แนะนำให้กดเข้าไปดูในแอพ Traveloka ไม่ว่าจะเป็นการจองตั๋วเครื่องบินในประเทศ หรือว่าจองตั๋วเครื่องบินไปจังหวัดอื่นๆ ที่นี่ก็มีครบ แถมราคาไม่แพง เวลามีโปรโมชั่นคือเรียกได้ว่าถูกกว่าเจ้าอื่นเลยละกัน ทางไปจอง > https://www.traveloka.com/th-th/flight
20 พิกัดที่เที่ยวภาคอีสาน
1. สะพานเทพสุดา (Thep Suda Bridge) กาฬสินธุ์ (Kalasin)
สะพานช้ามน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เป็นสะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ข้ามเขื่อนลำปาว เชื่อมระหว่างแหลมโนนวิเศษ ตำบลโนนบุรี อำเภอสหัสขันธ์ ถึงบริเวณเกาะมหาราช ตำบลหนองบัว อำเภอหนองกุงศรี เป็นสะพานที่บรรยากาศดีสุดๆ มีจุดชมวิวสวยๆ และชมพระอาทิตย์ตก บริเวณไหล่ทางของทั้ง 2 ฝั่งของสะพาน และมีช่องทางขนานทั้ง 2 ข้าง สามารถเดินชมอ่างเก็บน้ำ ตลอดความยาวของสะพานได้ด้วย นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ทั้งแบบแพกลางน้ำและริมน้ำให้บริการ ณ บริเวณจุดเริ่มต้นของสะพานทั้ง 2 ฝั่ง อีกด้วย
2. อุทยานแห่งชาติน้ำพอง (Nam Phong National Park) ขอนแก่น (Khon Kaen)
อุทยานแห่งชาติน้ำพอง เป็นชื่อเรียกตามต้นกำเนิดลำน้ำพองที่ไหลมารวมกับอ่างเก็บน้ำเขื่อนอุบลรัตน์ ที่ตำบลบ้านผือ อำเภอหนองเรือ นับเป็นอุทยานฯ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับตัวเมืองขอนแก่นมากที่สุด บรรยากาศดีเหมาะแก่การไปเยือนที่สุด คือช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนพฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ์ นักท่องเที่ยวนิยมไปกางเต็นท์นอนริมทะเลสาบ สัมผัสอากาศหนาวสุดขั้ว ชมพระอาทิตย์ตกแบบ 360 องศา ชิมเมนูปลาสดๆ จากทะเลสาบเขื่อนอุบลรัตน์ พายเรือแคนู และตกปลา ท่ามกลางธรรมชาติแสนงดงาม
3. ทุ่งดอกกระเจียว (Siam Tulip Field) ชัยภูมิ (Chaiyaphum)
ทุ่งบัวสวรรค์หรือดอกกระเจียว งดงามโดดเด่นอยู่เต็มท้องทุ่งในเขตอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต ดอกกระเจียวสีชมพูจะทะยอยผลิบานจนทั่วผืนป่าระหว่างเดือนมิถุนายน – สิงหาคม โดยขึ้นกระจายทั่วไปตั้งแต่ลานหินงาม จนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน ซึ่งเป็นหน้าผาสูงชันและเป็นจุดที่สูงสุดในเขตอุทยานฯ และยังมีดอกไม้ “ดอกกระเจียวป่าสีขาว” หรือ “ดอกบัวเทพอัปสร” ให้ได้ชื่นชมความงามกันอีกด้วย ซึ่งจะซุกซ่อนอยู่ตามทุ่งหญ้าเพ็ก ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ นอกจากนี้ทางอุทยานฯ ได้กั้นคอกแบ่งเป็นจุดๆ ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกันแบบชิลๆ
4. อุทยานแห่งชาติภูลังกา (Phulangka National Park) นครพนม (Nakhon Phanom)
อุทยานแห่งชาติภูลังกา มีพื้นที่ครอบคลุม ตำบลไผ่ล้อม อำเภอบ้านแพง จังหวัดนครพนม และอำเภอเซกา จังหวัดหนองคาย
ลักษณะเป็นภูเขาทับซ้อนกัน 3 ลูก คือ ภูลังกาเหนือ ภูลังกากลาง และภูลังกา สลับด้วยเทือกเขาขนาดเล็กซับซ้อนทอดยาวตามแนวลำน้ำโขง จุดสูงสุดอยู่บนภูลังกาเหนือ สูง 563 เมตร จากระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือแม่น้ำโขงสองฝั่งไทย–ลาว ดูแสงแรกของปีที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในไทย ที่สำคัญบนยอดเขาภูลังกา มี “เจดีย์กองข้าวศรีบุญเนาว์” ให้นักท่องเที่ยวได้สักการะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตอีกด้วย
5. วังน้ำเขียว (Wang Nam Khiao) นครราชสีมา (Nakhon Ratchasima)
วังน้ำเขียวเป็นแหล่งโอโซนบริสุทธิ์ติดอันดับ 1 ใน 7 ของโลก เจ้าของสมญา “สวิตเซอร์แลนด์แดนอีสาน” เพราะโอบล้อมด้วยภูเขาและป่าไม้ อากาศเย็นสบายตลอดปี มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งดูกระทิงที่เขาแผงม้า ชมฟาร์มแกะ ถ่ายรูปสวนดอกไม้ที่สวนภูมิพฤกษา แวะไร่องุ่น เที่ยววังน้ำเขียวฟาร์ม ซึ่งเป็นฟาร์มเห็ดติดแอร์ที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ปั่นจักรยานเล่นที่อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง ดูพระอาทิตย์ที่ผาเก็บตะวัน จิบกาแฟที่โรงคั่วกาแฟวังน้ำเขียว ซื้อเห็ดที่วังน้ำเขียวฟาร์ม อีกทั้งยังขับรถไปเที่ยวเขาใหญ่ได้
6. วนอุทยานเขากระโดง (Khao Kradong Forest Park) บุรีรัมย์ (Buri Ram)
วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง หรือ “ภูกระโดง” ตั้งอยู่ที่บ้านเขากระโดง ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว โดยทุกวันนี้ปากปล่องภูเขาไฟมีลักษณะเป็นบ่อน้ำ สามารถชมได้จากบนสะพานแขวน นอกจากนี้บนเขากระโดงยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปคู่เมืองบุรีรัมย์ และยังมีศาสนาสถานโบราณอย่าง “กู่เขากระโดง” ปราสาทหินทรายก่อบนฐานศิลาแลง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลอง และยังเป็นจุดชมวิวอันสวยงามของเมืองบุรีรัมย์ด้วย
7. สะพานไม้แกดำ (Kae Dam wooden Bridge) มหาสารคาม (Maha Sarakham)
สะพานไม้เก่าแก่ในบรรยากาศแบบท้องทุ่ง ณ วัดดาวดึง อำเภอแกดำ ที่ทอดตัวยาวท่ามกลางหนองน้ำแกดำไกลสุดตากว่า 1 กิโลเมตร ถือเป็นสะพานสุดอันซีนที่ควรค่าแห่งการเดินทางมาเช็คอิน เป็นสะพานไม้เก่า อายุราวกว่า 100 ปี ที่ชาวบ้านใช้เป็นเส้นทางข้ามอ่างเก็บน้ำหนองแกดำ โดยเชื่อมระหว่างบ้านหัวขัวกับหมู่บ้านแกดำ เป็นแหล่งน้ำที่ มีความหลากหลายทางชีวภาพทั้งสัตว์น้ำและพื้ชน้ำ เช่น บัวแดง แหน และสาหร่ายหางกระรอก นอกจากนี้ในฤดูหนาวยังสามารถพบเห็นนกเป็ดน้ำ ที่บินหนีหนาวมาจากไซบีเรีย มาอาศัยในบริเวณหนองแกดำด้วย
8. ผาพบรัก (Pha Phob Rak) มุกดาหาร (Mukdahan)
หน้าผาชื่อสุดโรแมนติก ตั้งอยู่ในวนอุทยานภูหมู อำเภอนิคมคำสร้อย เมื่อสมัยก่อนที่นี่มีหมูป่าชุกชุมมาก จึงเป็นที่มาของชื่อ “ภูหมู” และที่นี่ยังเคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารอเมริกันสมัยสงครามเวียดนามอีกด้วย บนยอดเขามีจุดชมทิวทัศน์ 3 จุด ได้แก่ “ผาระเบียงตะวัน” เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สามารถมองเห็นภูแผงม้า อ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็ก และภูเขาในเขตวนอุทยานดงบังอี่ “ผาพบรัก” จุดชมพระอาทิตย์ตก และสามารถมองเห็นภูด่านแต้ และเทือกเขาภูพานสลับซับซ้อน “ผาหินสงบ” สามารถมองเห็นภูถ้ำพระและอำเภอเลิงนกทาของจังหวัดยโสธรได้
9. พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก (Phayakunkak Museum) ยโสธร (Yasothon)
พิพิธภัณฑ์พญาคันคาก หรือ พิพิธภัณฑ์คางคก แลนด์มาร์กที่โดดเด่นแปลกตาของจังหวัดยโสธร ตั้งอยู่ริมอ่างเก็บน้ำลำทวน อำเภอเมือง บริเวณสวนสาธารณะพญาแถน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สอดแทรกตำนานเรื่องเล่าพื้นเมืองของชาวอีสาน เกี่ยวกับตำนาน พญาคางคกและประเพณีบุญบั้งไฟอันโด่งดัง และนิทรรศการเกี่ยวกับคางคกชนิดต่าง ๆ รวมถึงความเป็นมาของยโสธร ชั้นบนสุดบริเวณปากพญาคันคากเป็นจุดชมวิวมองเห็นเมืองยโสธรกว้างไกลอีกด้วย
นอกจากบริเวณใกล้ๆ กันยังมีประติมากรรมขบวนแห่บั้งไฟ พิพิธภัณฑ์พญานาค และสวนสาธารณะพญาแถนให้แวะชมแวะพักผ่อนอีกด้วย
10. น้ำตกถ้ำโสดา (Soo Da Cav Waterfall) ร้อยเอ็ด (Roi Et)
น้ำตกถ้ำโสดา ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำผาน้ำทิพย์ พื้นที่บ้านโนนสมบูรณ์ ตำบลภูเขาทอง อำเภอหนองพอก เป็นน้ำตกถ้ำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่บนภูสูงที่เรียกว่า “ภูเขียว” ที่มีความสูงประมาณ 50 เมตร มีหินทรายวางสลับซับซ้อนกัน รวมทั้งมีชะง่อนผาหินขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานองค์พระนาคปรก สายน้ำตกไหลลงมาจากด้านบนผาหิน ผ่านลงมาด้านหน้าของถ้ำโสดาลงสู่เบื้องล่าง โดยจะไหลลดหลั่นกันไปตามโขดหิน อีกทั้งยังมีเจดีย์หินที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ตั้งอยู่ภายในศาลาที่พักสงฆ์ และมีช่วงที่นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำคลายร้อนกันได้
11. ภูป่าเปาะ (Phu Pa Poh) เลย (Loei)
ภูเขาไฟฟูจิแห่งเมืองเลย ตั้งอยู่ที่บ้านผาหวาย ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน เป็นจุดชมทัศนียภาพของภูเขาเมืองเลยได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภูหลวง ภูหอ ภูกระดึง ภูยอง ภูผาขวาง ภูค้อ ภูกระแต สวนหินผางาม และภูผาม่าน และยังมีจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่สวยงามประทับใจ อีกทั้งยังเป็นจุดชมทะเลหมอกแบบพาโนรามาอีกด้วย ไฮไลท์ของภูป่าเปาะ คือ “ภูหอ” ที่มองเห็นลิบๆ อยู่เบื้องหน้า เป็นภูเขายอดตัดที่มีรูปร่างคล้ายภูเขาไฟฟูจินั่นเอง
12. ผามออีแดง (Pha Mo E Dang) ศรีสะเกษ (Si Sa Ket)
ผามออีแดง เป็นหน้าผาสูงชันกั้นเขตแดนไทยกับกัมพูชา ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ เป็นหน้าผาหักสุดเขตเทือกเขาพนมดงรัก เป็นจุดชมวิวที่สวยงามมาก มีบันไดลงไปชมภาพแกะสลักนูนต่ำบนผนังหินทรายอยู่ใต้หน้าผา เป็นภาพคน 3 คน ในเครื่องแต่งกายแบบชาวกัมพูชา สร้างขึ้นก่อนปราสาทเขาพระวิหาร ราวกลางศตวรรษที่ 11 อายุประมาณ 1,500 ปี มีโบราณวัตถุ พระพุทธรูปนาคปรก หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ในช่วงหน้าหนาวเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่มาตั้งแคมป์ชมวิวทะเลหมอกในยามเช้า
13. ทะเลสาบหนองหาร (Nong Han Lake) สกลนคร (Sakon Nakhon)
บึงหนองหารเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ด้วยความกว้างใหญ่ไพศาลของผืนน้ำราว 123 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมอำเภอเมืองสกลนคร และอำเภอโพนนาแก้ว เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่งดงามมาก หลังจากนั่งเรือชมวิวความกว้างใหญ่ของหนองหารแล้ว อย่าลืมแวะชม ดินแดนแห่งตำนาน “เกาะดอนสวรรค์” ซึ่งเป็นเกาะขนาดใหญ่ พื้นที่กว่า 500 ไร่ ตั้งโดดเด่นอยู่กลางบึง เป็นที่ตั้งของวัดโบราณ บรรยากาศสงบเงียบร่มเย็น ต้นไม้หลายต้นมีอายุเกินร้อยปี และมีชาวบ้านแวะมาทำบุญปฏิบัติธรรมอยู่เสมอ
13. ทะเลสาบทุ่งกุลา (Tung Kula Lake) สุรินทร์ (Surin)
ทะเลสาบน้ำจืดแห่งอีสานใต้ “ทะเลสาบทุ่งกุลา” อยู่ที่บ้านม่วงสวรรค์ ตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี มีต้นกำเนิดมาจากโครงการอ่างกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ทางกรมชลประทานได้มาขุดเป็นแก้มลิงเพื่อใช้ในการเกษตร และมีการปรับปรุงให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวสุรินทร์ บรรยากาศสวยงาม น้ำสีฟ้าใสราวกับน้ำทะเล และยังร้านอาหารให้นั่งชิมนั่งชิลริมน้ำ และมีแพให้เช่าล่องชมวิวสวยๆ ของทะเลสาบอีกด้วย หรือจะเล่นบานาน่าโบ๊ท เรือปั่น และห่วงยาง ก็มีให้บริการอีกด้วย
15. ภูห้วยอีสัน (Phu Huay Isan) หนองคาย (Nong Khai)
ภูห้วยอีสัน เป็นเนินเขาเตี้ยๆ อยู่ที่บ้านม่วง เป็นหนึ่งในจุดชมวิวแม่น้ำโขง ชายแดนไทย–ลาว แห่งอำเภอสังคม กิจกรรมของที่นี่คือ นั่งรถอีแต๊กขึ้นภู ดูพระอาทิตย์ขึ้น ส่องแม่น้ำโขง และชมทะเลหมอกแบบพาโนรามา ซึ่งสามารถขึ้นไปชมได้เฉพาะในช่วงเดือนตุลาคม-พฤษภาคม ของทุกปี
โดยสามารถขึ้นรถได้ที่หน้าที่ทำการอบต. บ้านม่วง โดยรถจะให้บริการตั้งแต่ตี 5 เป็นต้นไป บนภูมีร้านค้าเล็กๆ ของชาวบ้านขายเครื่องดื่ม กาแฟ ข้าวจี่ ของกินรองท้อง ระหว่างรอชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก นอกจากนี้บริเวณเชิงทางขึ้นภูยังมีบ้านพักแบบโฮมสเตย์และลานกางเต็นท์ ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวด้วย
16. น้ำตกเฒ่าโต้ (Thao To Waterfall) หนองบัวลำภู (Nong Bua Lam Phu)
น้ำตกเฒ่าโต้ เป็นส่วนหนึ่งของวนอุทยานน้ำตกเฒ่าโต้ ตั้งอยู่ที่ตำบลโนนทัน อำเภอเมือง เป็นน้ำตกขนาดเล็ก ต่อเนื่องกันหลายชั้นทอดตัวยาว ตามแนวถนนอุดรธานี-หนองบัวลำภู เป็นสถานที่พักผ่อนร่มรื่นไปด้วยป่าไม้นานาพรรณ และโขดหินรูปต่างๆ สามารถลงเล่นน้ำได้ ระดับน้ำไม่ลึกมาก บริเวณใกล้เคียงมีศาลเจ้า “ปู่หลุบ” ซึ่งเป็นที่เคารพและศรัทธาของชาวหนองบัวลำภู และมักมีนักท่องเที่ยวนิยมมากราบไหว้เพื่อความโชคดีตลอดการเดิน ด้วยความเชื่อว่าจะช่วยให้แคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทั้งปวง
17. วนอุทยานภูสิงห์-ภูผาผึ้ง (Phu Sing-Phu Pha Phung Forest Park) อำนาจเจริญ (Amnat Charoen)
วนอุทยานภูสิงห์-ภูผาผึ้ง ลักษณะเป็นภูเขาหินทราย ความสูงประมาณ 200-300 เมตร อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดงหัวกอง-ดงบังอี่ ครอบคลุมพื้นที่หลายตำบลในอำเภอเมืองอำนาจเจริญ ภายในพื้นที่ประมาณ 12,000 ไร่ มีเส้นทางให้เดินศึกษาธรรมชาติ ใช้เวลาไป – กลับ ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ระหว่างทางจะผ่านป่าภูหินทราย ลานหินทรายและหินรูปทรงแปลกตามากมาย จุดที่น่าสนใจในวนอุทยานได้แก่ ลานควายตู้ ตะพาบหิน อ่างกบ พระเทพรัตน์โกสินทร์ ผาผึ้ง ผาส่อง น้ำตกธิดาเทพ วัดถ้ำแสงแก้ว อ่างเก็บน้ำห้วยสิโท และถ้ำยาว เป็นถ้ำหินทรายขนาดใหญ่ ซึ่งเคยเป็นที่หลบซ่อนของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในภาคอีสาน
18. ทะเลบัวแดง (Red Lotus Sea) อุดรธานี (Udon Thani)
ทะเลบัวแดงแห่งบึงหนองหาน ตั้งอยู่ที่อำเภอกุมภวาปี ห่างจากตัวเมืองอุดรธานี ประมาณ 34 กิโลเมตร เป็นหนองน้ำใหญ่ที่มีดงบัวตามธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ดอกบัวจะบานสะพรั่งทั่วพื้นที่มองเห็นสุดสายตา และยังมีนกนานาชนิดบินวนไปวนให้ได้ชมอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ โดยมีเรือนำเที่ยวบริการพาลัดเลาะไปให้สัมผัสความสวยงามอย่างใกล้ชิด อีกทั้งเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่โด่งดังแห่งหนึ่งของอุดรธานี ช่วงที่เหมาะแก่ชมทะเลบัวแดงคือช่วงต้นเดือนธันวาคมถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี และเวลาที่ดีที่สุดคือ ช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 – 11.00 น.
19. หาดชมดาว (Chom Dao Beach) อุบลราชธานี (Ubon Ratchathani)
หาดชมดาว หรือ แก่งชมดาว อยู่ในบริเวณหมู่บ้านโนนตาล อำเภอนาตาล เป็นแก่งหินอันกว้างใหญ่ มีริ้วลายหินและรูปทรงแปลกตา จุดถ่ายรูปสำคัญ ได้แก่ ถ้ำตาอ้วน ถ้ำตามา ก้อนสามเส้า แกรนด์แคนยอนนาตาล แก่งหินงาม ผาวัดใจ หาดชมดาว และช่องแคบสองฝั่งโขง จุดที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่คือ “หินชมนภา” เป็นหินขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิดกัน จนเกิดช่องแคบ ด้านล่างเป็นแอ่งน้ำที่ใสจนสามารถสะท้อนท้องฟ้าได้ชัดเจน เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า พระอาทิตย์ตกยามเย็น และชมทะเลดาวนับล้านดวง สมดังชื่อหาด ช่วงเดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคมเป็นช่วงน้ำลดโบกผุด เหมาะที่สุดเยี่ยมชมประติมากรรมธรรมชาติ และนอนชมดาวที่หาดชมดาวแห่งนี้
20. ภูสิงห์ (Phu Sing) บึงกาฬ (Buengkan)
ภูสิงห์ อยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ของเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าดงดิบกะลา ป่าภูสิงห์ และป่าดงสีชมพู ตำบลโคกก่อง อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โดดเด่นในเรื่องของหิน เพราะมีลักษณะทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก ทำให้มีผาหิน ถ้ำ และหินประหลาดมากมาย มีแลนด์มาร์กสำคัญคือ “ประตูภูสิงห์” ประตูริมหน้าผาที่เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิต อีกจุดไฮไลท์เด่น คือ“หินสามวาฬ” หินอายุ 75 ล้านปี ที่มีรูปลักษณะเหมือนปลาวาฬ 3 ตัว พ่อแม่และลูก นอกจากนี้ยังมีที่เที่ยวอื่นๆ อย่างเช่น ถ้ำฤๅษี กำแพงภูสิงห์ จุดชมวิวหินหัวช้าง หินช้าง หัวใจภูสิงห์ ถ้ำใหญ่ ลานธรรมภูสิงห์ และจุดชมวิวส้างร้อยบ่อ
ภาคอีสานมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแนวให้ออกสำรวจ จะเที่ยวแบบครอบครัว เที่ยวแบบแบ็คแพ็คเกอร์ เที่ยวแบบถ่ายรูปรัวๆ หรือเที่ยวไปชิมไปก็ตอบโจทย์ทุกประการ