15 ที่เที่ยวตุรกี จุดหมายปลายทาง แห่งความงามเมืองเก่าโรมัน

หากพูดถึงประเทศตุรกีใครหลายๆคนคงนึกถึงภาพการขึ้นบอลลูนเป็นอันดับแรก ซึ่งจริงๆแล้วตุรกีเป็นดินแดนสองทวีปที่มีมากกว่าการขึ้นบอลลูน เนื่องจากประเทศแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่รวบรวมความงดงามและมนต์เสน่ห์ของสถานที่ท่องเที่ยวสถาปัตยกรรม รวมไปถึงศิลปวัฒนธรรมอันโดดเด่นแห่งเมืองเก่าโรมันในสไตล์กึ่งยุโรปและตะวันออกผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ซึ่งหากใครกำลังมีแพลนจะเดินทางไปตุรกีเร็วๆนี้ ก็สามารถรีบกดจองตั๋วเครื่องบินไปตุรกีในราคาพิเศษ กับ Traveloka ได้เลย เพราะนอกจากคุณจะสามารถกดจองได้อย่างสะดวกแล้ว คุณยังสามารถจ่ายได้ในทุกช่องทางได้อีกเช่นกัน เรียกได้ว่า จองง่าย จ่ายสะดวก อย่างงี้ ไม่ควรพลาดกันอย่างแน่นอน

>> ทางไปจองตั๋วเครื่องบินไปตุรกี กับTraveloka คลิก <<

1. มัสยิดสีน้ำเงิน หรือ "บลูมอสก์"

มัสยิดสีน้ำเงิน หรือ สุเหร่าสีฟ้า เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองอิสตันบูล ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชมความสวยงาม และความอลังการของมัสยิดแห่งนี้ โดยไฮไลท์ที่โดดเด่นของมัสยิดแห่งนี้ คือ หอมินาเร็ต หรือ หอสวดมนต์ 6 หอ ที่มีความแปลกตาและอลังการด้วยการประดับประดาไปด้วยหลังคาสีน้ำเงิน รวมไปถึงกระเบื้องสีฟ้าจากอิซนิค ที่เต็มไปด้วยลวดลายดอกไม้ต่างๆ เช่น ดอกกุหลาบ ดอกทิวลิป หรือดอกคาร์เนชั่น และที่สำคัญมัสยิดแห่งนี้ยังมีการประดับหน้าต่างบานสลับกับการตกแต่งของกระจกอันสีสันอย่างสวยงามถึง 260 บาน อีกด้วย

2. คัปปาโดเชีย

คับปาโดเซีย เป็นเมืองพื้นที่พิเศษที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ โดยลาวาเหล่านั้นถูกทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา ทำให้เมืองคับปาโดเซียแห่งนี้มีภูมิประเทศอันประหลาดน่าแปลกตา ที่เต็มไปด้วยหินรูปแท่งทรงกรวยสลับซับซ้อนกันไปมาคล้ายกับกระโจม โดม กระจายอยู่เต็มพื้นที่อย่างเยอะแยะมากมาย และที่สำคัญสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างเดินทางมาเพื่อขึ้นบอลลูนหลากหลายสีสันที่ลอยอยู่เต็มเหนือท้องฟ้า เพื่อไปชมความงดงามของบรรยากาศโดยรอบกันนั่นเอง ซึ่งหากใครมีโอกาสได้มาเยือนตุรกีแล้วก็ไม่ควรพลาดกับการขึ้นบอลลูนกันสักครั้ง เพราะนอกจากคุณจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่แล้ว คุณยังสามารถเพลิดเพลิด สนุกสนานกับประสบกาณ์ครั้งนี้ที่หาไม่ได้จากที่ไหนได้อย่างแน่นอน

3. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีความงดงามและเต็มไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์ จนได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1984 โดยสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยชาวคริสต์ที่หลบหนีการเข่นฆ่าคนต่างศาสนาของทหารออตโตมัน จึงได้พากันขุดถ้ำเพื่อสร้างโบสถ์กว่า 30 แห่ง เพื่อเป็นการเผยแพร่ศาสนาคริสต์นั่นเอง และที่สำคัญภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีภาพวาดเฟรสโกบนฝาผนัง และเพดานที่ถูกวาดไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 ในเรื่องของประวัติศาสตร์ความเป็นมาต่างๆในสมัยก่อน ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมเรื่องราวความเป็นมาต่างๆ พร้อมกับเดินถ่ายรูปเพลินๆกันได้อย่างสวยงามนั่นเอง

4. ปามุคคาเล่ หรือ ปราสาทปุยฝ้าย

ปามุกคาเล หรือ ปราสาทปุยฝ้าย เกิดจากปรากฏการณ์ตกตะกอนของหินปูนที่ทำปฏิกิริยากับอากาศ จนจับตัวแข็งกลายเป็นแอ่งธารน้ำแร่ใต้ดินที่มีรูปร่างอันแปลกตาอย่างสวยงาม โดยน้ำที่ไหลอย่างลดหลั่นลงมาเป็นชั้นๆได้ส่องประกายสะท้อนกับแสงแดดระยิบระยับบนหน้าผา ออกมาเป็นภาพที่งดงามอย่างตระการตา นอกจากนี้แล้วน้ำแร่ในแอ่งแห่งนี้ยังสามารถรักษาโรคต่างๆได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น การรักษาสายตา ผิวหนัง การบรรเทาโรคปวดข้อ หรือหอบหืดได้อย่างชะงัก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาแช่น้ำเพื่อเป็นการบำบัดรักษาโรคกันเป็นจำนวนมากนั่นเอง

5. นครโบราณเฮียราโปลิส  

นครโบราณเฮียราโปลิส หรือ เมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ประมาณ 133 ปีก่อนคริสตกาลในสมัยกษัติย์ยูเมเนสที่ 2 โดยบริเวณด้านหน้าของสถานที่แห่งนี้จะเป็นหลุงฝังศพของผู้มีอิทธิพลในสมัยโบราณ ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ในสมัยยุคกรีกโบราณได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากนี้แล้วนักท่องเที่ยวยังสามารถชมซากปรักหักพังที่อยู่ตามทางในจุดต่างๆได้อีกด้วย เรียกได้ว่าใครได้มาเยือสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้แล้วจะต้องหลงเสน่ห์ในความเก่าแก่โบราณของเรื่องราวในอดีตกันอย่างแน่นอน

6. จตุรัสทักซิม  

จตุรัสทักซิม เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองอิสตันบลู ประเทศตุรกี โดยในปัจจุบันทักซิมเป็นทั้งสถานที่ในการจัดกิจกรรมสาธารณะ เช่น ขบวนพาเหรดในการเฉลิมฉลองงานปีใหม่ และเป็นสถานที่ที่ผู้คนออกมาพบปะสังสรรค์กันทางสังคม เนื่องจากตลอดริมถนนทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าและร้านอาหารต่างๆมากมาย แถมยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ได้แก่ อนุสาวรีย์แห่งสาธารณรัฐ ถนนช้อปปิ้ง stiklal Caddesi  หรือ ศูนย์วัฒนธรรมอเนกประสงค์และโรงละครโอเปร่านั่นเอง

7. พระราชวังทอปกาปี

พระราชวังโทพคาปี เป็นที่ประทับของสุลต่านนานกว่า 3 ศตวรรษในสมัยโบราณ โดยในปัจจุบันนี้พระราชวังแห่งนี้ได้กลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติขนาดใหญ่แห่งมหานครอีสตันบูล ซึ่งภายในได้มีการแบ่งพื้นที่จัดแสดงออกเป็นหลายส่วนไว้สำหรับแสดงทรัพย์สมบัติอันมีค่าของสุลต่านของออตโตมานสมัยต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สามารถเดินชมความสวยงาม ของสถาปัตยกรรมของชาวกรีกโรมันกันได้อย่างเพลิดเพลิด โดยพื้นที่จัดแสดงจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน นั่นก็คือ พระราชวังชั้นนอก, พระราชวังชั้นใน และฮาเร็ม และที่สำคัญนักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางมาชมวิวทิวทัศน์ของเมืองอิสตันบูลกันได้ที่สถานที่แห่งนี้อีกเช่นกัน

8. ตลาดแกรนด์บาซาร์

ตลาดแกรนด์บาซาร์ เป็นตลาดที่ถูกตั้งอยู่ในเมืองอีสตันบูลที่มีขนาดใหญ่ และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เนื่องจากตลาดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1461 ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนกว่า 250,000 ถึง 400,000 คน เดินทางมาชมและเลือกซื้อสินค้ากันในแต่ละวัน โดยตลาดแห่งนี้มีสินค้าให้ผู้คนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวเลือกซื้อกันอย่างหลากหลายประเภท ได้แก่ เครื่องประดับเงิน, ทองและเทอร์คอยส์, ไข่มุก, เหรียญเก่า, เครื่องปั้นดินเผาที่ทำด้วยมือ, พรม และงานเย็บปักถักร้อย, นาฬิกา, เชิงเทียน, เครื่องเทศ หรือร้านขายของเก่า และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งหากใครมีโอกาสได้ไปเยือนตุรกีแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะไปเดินจับจ่ายซื้อของเพื่อเป็นของที่ระลึกติดไม้ติดมือกันไว้ด้วยหละ

9. ห้องสมุดเซลซุส

ห้องสมุดเซลซุส ถูกตั้งอยู่ในเมืองเอเฟซุส ซึ่งห้องสมุดแห่งนี้เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่เต็มไปด้วยรูปปั้นแกะสลักของเหล่าองค์เทพที่มีอยู่ด้วยกันจำนวนทั้งหมด 4 องค์ ได้แก่ เทพีแห่งปัญญา เทพีแห่งคุณธรรม เทพีแห่งความเฉลียวฉลาด และเทพีแห่งความรู้ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินเยี่ยมชมเรื่องราวประวัติศาสตร์และความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ได้อย่างเพลิดเพลิดตลอดทางเดิน แถมบริเวณโดยรอบยังเต็มไปด้วยซากเมืองโบราณของเอฟิซัสที่นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นอันมาก และแน่นอนว่าห้องสมุดเซลซุลแห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของสถานที่ท่องเที่ยวตุรกีที่น่าค้นหาไม่แพ้กับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆอีกเช่นกัน

10. ภูเขาเนมรุต

ภูเขาเนมรุต ถูกตั้งอยู่ในเมืองทะเลทรายบนยอดเขาสูงถึง 2,134 เมตร โดยภูเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยรูปปั้นขององค์เทพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทพเจ้าเนมรุต, เทพเจ้าเปอร์เซีย, เทพเจ้ากรีก, เทพเจ้าสิงโต หรือ เทพเจ้านกอินทรี ซึ่งนับได้ว่าเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของตุรกีเลยก็ว่าได้ และที่สำคัญสถานที่แห่งนี้ยังถูกรายล้อมไปด้วยหุบเขาและทะเลทรายอันสวยงาม ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปชมซากอารยธรรมและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ พร้อมกับการชมบรรยากาศโดยรอบได้อย่างสบายใจ เพราะนักท่องเที่ยวสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่นี่ได้อีกเช่นกัน

11. โบดรัม

โบดรัม นับเป็นเมืองตากอากาศที่ขึ้นชื่อที่สุดของประเทศตุรกี เนื่องจากเมืองโบดรัมแห่งนี้เป็นดินแดนทางประวัติศาสตร์ที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยความหรูหราและเต็มไปด้วยผู้คนที่มีความร่ำรวยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยบรรยากาศโดยรอบจะค่อนข้างโรแมนติกมาก ทำให้นักท่องเที่ยวต่างแวะเวียนมาท่องเที่ยวกันอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในช่วงซัมเมอร์เมืองแห่งนี้ก็จะดูคึกคักมากเป็นพิเศษ เพราะผู้คนจะพากันออกมานอนอาบแดดที่บริเวณริมชายหาด นั่งปิกนิก ชมพระอาทิตย์ตก หรือทำกิจกรรมร่วมกับคนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูงกันนั่นเอง และที่สำคัญโบดรัมยังเต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งและร้านค้าต่างๆมากมาย เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่ตอบโจทย์ของการเดินทางมาท่องเที่ยวและพักผ่อนในเวลาเดียวกันเป็นอย่างมาก

12. หาดโอลูเดนิซ  

หาดโอลูเดนิซ นับเป็นชายหาดที่สวยที่สุดของประเทศตุรกี เนื่องจากหาดแห่งนี้เป็นจุดที่ทะเลอีเจี้ยนกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาบรรจบกัน ทำให้เกิดเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและสวยงามเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ Blue Lagoon หรือชายหาดสีขาวที่มีลักษณะคล้ายแหลมที่ทอดตัวยาวออกไปกลางทะเล และถูกล้อมรอบไปด้วยน้ำทะเลสีฟ้าใส และต้นไม้ภูเขาอันเขียวขจีอย่างงดงาม ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมทั้งทางน้ำและทางบกได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การนั่งบอลลูนชมทิวทัศน์มุมสูง การเล่นน้ำทะเลเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย การล่องเรือใบในทะเลอีเจี้ยน หรือจะเป็นการนอนอาบแดดที่บริเวณชายฝั่งก็ทำได้อีกเช่นกัน

13. วิหารเซนต์โซเฟีย

วิหารเซนต์โซเฟีย ตั้งอยู่ในเมืองอิสตันบลู โดยแต่เดิมเป็นโบสถ์ในคริสต์ศาสนา ที่มีการออกแบบในงานสถาปัตยกรรมแบบไบแซนไทน์ คือมีลักษณะผสมผสานระหว่างศิลปวัฒนธรรมกรีกและโรมัน กับศิลปวัฒนธรรมของเปอร์เซียเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้จุดเด่นของวิหารแห่งนี้ คือ ยอดโดมขนาดใหญ่อลังการที่ตั้งอยู่ใจกลางของวิหารแห่งนี้ รวมไปถึงการใช้กระจกสีประดับเหนือประตูและหน้าต่างอย่างงดงาม ทำให้วิหารแห่งนี้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักท่องเที่ยวจำนวนมากนั่นเอง

14.  มาร์ดิน

มาร์ดิน นับเป็นเมืองสวรรค์บนดิน ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี เมืองมาร์ดินแห่งนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองโบราณและเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่งดงามในสไตล์กรีกโรมัน โดยไฮไลท์ที่สำคัญของเมืองแห่งนี้ คือ การสร้างตึกรามบ้านช่องด้วยการนำหินมาวางซ้อนกันเป็นชั้นๆเพื่อเป็นการตกแต่งออกมาเป็นภาพที่แปลกตาและสร้างความสวยงามให้กับเมืองแห่งนี้  ซึ่งหากคุณกำลังมองหาที่เที่ยวตุรกีที่หลงเหลือความงดงามของเมืองเก่าโรมัน มาร์ดินก็เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่ดีเลยทีเดียว

15. ภูเขาเออร์ซิเยส

ภูเขาไฟเออร์ซิเยส ตั้งอยู่ที่เมือง Kayseri โดยภูเขาแห่งนี้ถูกตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาลูกเล็กใหญ่ที่เรียงรายสลับซับซ้อนกันไปมา เกิดเป็นวิวที่สวยงามและอลังกาลเป็นอย่างมาก เนื่องจากภูเขาลูกนี้มีความสูงถึง 2770 เมตร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางขึ้นไปชมความงดงามบนยอดเขาแห่งนี้ได้อย่างไกลสุดสายตา และที่สำคัญนักท่องเที่ยวยังสามารถทำกิจกรรมได้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น การนั่งกระเช้าชมบรรยากาศโดยรอบ หรือการปีนเขาเพื่อพิชิตยอดเขาที่ระดับความสูงถึง 3917เมตร นั่นเอง

เป็นไงกันบ้างกับ 15 ที่เที่ยวตุรกีที่เราได้รวบรวมกันมาไว้ให้ทุกคนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ หรือจะเป็นสถาปัตยกรรมเมืองเก่าโบราณของชาวกรีกโรมันก็มีอีกเช่นกัน เรียกได้ว่าสามารถเอาใจนักท่องเที่ยวได้ในทุกรูปแบบเลย ใครมีแพลนเดินทางไปตุรกีเร็วๆนี้ก็สามารถปักหมุดเช็คอินตามสถานที่ท่องเที่ยวตุรกีที่เราได้ลิสต์ไว้ให้คุณตามนี้ได้เลย รับรองว่าคุณจะไม่พลาดไฮไลท์เด็ดของตุรกีไปอย่างแน่นอน

สถานที่ท่องเที่ยว
ที่เที่ยวราชบุรีที่เที่ยวหัวหินที่เที่ยวขอนแก่นที่เที่ยวเขาใหญ่ที่เที่ยวสระบุรีที่เที่ยวเชียงใหม่ที่เที่ยวพัทยาที่เที่ยวนครนายกที่เที่ยวนครปฐม